กระทรวงการคลังหารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เคาะจัดตั้งกองทุนรวม TESG อายุลงทุน 8 ปี พร้อมเพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษีให้ 1 แสนบาท มีผลทันทีปี 66 จ่อชง ครม. สัปดาห์หน้า คาดเปิดให้ลงทุนต้น ธ.ค. ลุ้นเม็เงินเข้าตลาดหุ้นไทย 1 หมื่น ลบ.โค้งท้าย ปลัดคลังเผยยอมแลกรัฐสูญเสียรายได้ราว 1 หมื่นลบ.ต่อปี เพื่อสนับสนุน บจ. ไทย เดินหน้าสู่ความยั่งยืน สร้างอนาคตประเทศไทย
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอนุมัติการจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อสิทธิลดหย่อนภาษีอีกประเภท ใช้ชื่อ “ Thailand ESG Fund" หรือ TESG เพื่อวัตถุประสงค์ลงทุนระยะยาวในหุ้นและตราสารหนี้ (Bond) ที่มีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจตามหลักความยั่งยืน ( ESG) โดยอายุกองทุน 8 ปีเต็ม หรือ 10 ปีปฏิทิน ผู้ลงทุนจะสามารถนำเงินลงทุนส่วนนี้เพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท/ราย เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีการลดหย่อนภาษีสำหรับกองทุน RMF และ SSF วงเงินรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท/ราย โดยขณะนี้ทางกรมสรรพากรและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะเร่งดำเนินการรายละเอียดต่างๆรวมถึงหลักเกณฑ์ต่างๆของการจัดตั้งกองทุน TESG เพื่อจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะเปิดให้เริ่มลงทุนกองทุน TESG ราวต้นเดือนธ.ค. นี้ เพื่อที่จะให้ผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุนยื่นเรื่องขอลดหย่อนภาษีได้ปีนี้ทันที โดยจะทันรอบการยื่นเสียภาษีช่วงต้นปีหน้า
สำหรับผลกระทบการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล นายลวรณ กล่าวว่า การให้สิทธิลดหย่อนภาษีของการลงทุนกองทุน TESG ประเมินว่าจะส่งผลกระทบตาอกระทรวงการคลัง สูญเสียรายได้จากการจัดเก๊บภาษีประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี ถือว่าเฉลี่ยใกล้เคียงกับการให้สิทธิลดหย่อนภาษีของกองทุน LTF เฉลี่ย 1 หมื่นล้านบาท/ปี
ในส่วนกองทุน SSF ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการให้สิทธิลดหย่อนภาษีในสิ้นปี 2567 จะมีการนำเรื่องการปรับปรุงกองทุน SSF เรื่องการให้สิทธิลดหย่อนภาษีและระยะเวลาในการลงทุนกองทุน SSF ทบทวนอีกครั้งภายในปี 67
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาตลาดทุนไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน หุ้น ESG ของบริษัทจดทะเบียนไทยในตลาดหลักทรัพย์ฯมีจำนวน 210 แห่งจากจำนวนรวมทั้งหมด 800 กว่าแห่ง ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่อยู่ใน SET THSI Index ส่วนกลุ่มหุ้นจะเป็นพลังงานทรัพยากร บริหารจัดการของเสีย ขนส่ง อุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่า การจัดตั้งกองทุน TESG จะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นในช่วงปลายปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท
"วัตถุประสงค์ของกองทุน TESG เพื่อต้องการให้มีการออมผ่านการลงทุนในตลาดทุนมากขึ้น และสนับสนุนบริษัทในประเทศที่มีการดำเนินงานตามหลัก ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ สังคม ประเทศ และนักลงทุน ซึ่งกระทรวงการคลัง ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะเร่งการดำเนินงานผลักดันกองทุน TESG ออกมา โดยให้เปิดเสนอขายให้กัผู้ลงทุนได้ภายในต้นเดือนธ.ค.นี้ "นายลวรณ กล่าว
นายกอบศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดตั้งกองทุน TESG เป็นกองทุนที่สร้างทางเลือกในการออมให้กับคนในประเทศ โดยเฉพาะคนที่สนใจออมผ่านตลาดทุน และมองหาการลงทุนในธุรกิจที่ดำเนินงานตามหลัก ESG ที่เดินหน้าผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุนได้ในระยะยาว สำหรังกองทุนTESG จะจำกัดให้ลงทุนเฉพาะบริษัทในประเทศไทยเท่านั้น เพราะต้องการส่งเสริมให้บริษัทไทยให้ความสำคัญในเรื่อง ESG ซึ่งเป็นการได้เงินสนับสนุนในการขับเคลื่อนและพัฒนาธุรกิจตามหลัก ESG อย่างแท้จริง ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของประเทศไทย
"ปัจจุบันอาจมีบริษัทขนาดใหญ่ส่วนมากที่มุ่ง ESG การจัดตั้งกองทุน ESG จะช่วยขับเคลื่อนให้บริษัทขนาดเล็ก เดินหน้ายกระดับสู่ ESG มากขึ้น มองว่าในอนาคตอาจมีบริษัทอื่นเข้าเกณฑ์การเป็น บจ. ESG มากขึ้นใน 800 บริษัทที่อยู่ในตลาด ” นายกอบศักดิ์ กล่าว
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) กล่าวว่า สมาชิก บลจ. มีความพร้อมในการจัดตั้อกองทุน TESG ซึ่งเป็นกองทุนที่ทุกคนได้รับทราบในเบื้องต้นไปแล้ว และได้ข้อสรุปในวันนี้ แต่ยอมรับว่าการทำงานในการเริ่มจัดกองทุน TESG ของ บลจ.ต่างๆ อาจจะต้องเร่งรีบกัน เพราะมีเวลาค่อนข้างจำกัดในช่วงท้ายปี รวมถึงการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งรีบกันทำงานเพื่อผลักดันกองทุน TESG ออกมาได้ทันในปีนี้ และคาดว่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปีนี้ จากเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาของกองทุน TESG
“ตอนนี้ ในส่วนของ บลจ. ก็ต้องรอการออกกฎเกณฑ์ และเงื่อนไขจากทางก.ล.ต. ที่จะออกมาในการจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งเราก็ทำงานคู่ขนานไปด้วย ทุกคนรับทราบเรื่องนี้ และก็เริ่มเตรียมตัวกันเพื่อผลักดันกองทุน TESG ออกมา คาดว่า บลจ.ต่าง ๆ จะเริ่มเสนอขายกองทุน TESG ได้ในช่วงต้นเดือนธ.ค.นี้ หลังจากที่ ครม.พิจารณาอนุมัติ และสามารถจดทะเบียนจัดตั้งกองทุน TESG ของแต่ละ บลจ.ได้สำเร็จ ซึ่งระยะเวลาการขายให้ทันกับผู้ลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษีในปี 66 มีเพียง 1 เดือน และมีวันหยุดค่อนข้างมาก ซึ่งมีความท้าทายในการทำงานเพื่อร่วมกันผลักดันกองทุน TESG ออกมาได้ทัน ขณะที่เม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนในช่วงปีแรก มองสอดคล้องกับประธาน FETCO ที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าการเริ่มเสนอขายเป็นช่วงระยะเวลาที่สั้น และกระชั้นชิดใกล้สิ้นสุดปีภาษี 66 ทำให้ค่อนข้างท้าทายในเรื่องการจดทะเบียน รวมถึงการทำการ สี่อสารการตลาดให้แก่ผู้ลงทุนได้รับทราบ"
อย่างไรก็ตาม กองทุน TESG จะเป็นกองทุนที่ช่วยดึงดูดและสร้างฐานผู้ลงทุนและผู้ที่สนใจออมผ่านการลงทุนในตลาดทุนรายใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น ทำไห้ฐานของผู้ลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ้งส่งผลบวกต่อการขยายตัวของตลาดทุนไทย ที่มีเม็ดเงินจากผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามา และสามารถเพิ่มสัดส่วนการออมผ่านตลาดทุนของคนในประเทศให้สูงขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนไม่ถึง 10% ทำให้เป็นการส่งเสริมการออมของคนในประเทศและสร้างความยั่งยืนให้กับตลาดทุนไทย