รมช.คลัง ยันแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 50 ล้านคน ได้แน่ก่อนสิ้นปีนี้ ดึงเงินงบฯปี 67-68 รวม 4.5 แสนลบ. ลุ้นอาจไม่ต้องใช้เงิน ธ.ก.ส. พร้อมตัดสินค้านำเข้าที่ไม่เข้าร่วม ’มือถือ-เครื่องใช้ไฟฟ้า‘
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รมช. คลัง) และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมเป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet พร้อมแถลงข่าวหลังประชุมฯ ว่า ผลการประชุมในครั้งนี้ มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet มากเหลือเพียงประเด็นเล็กๆน้อยที่จะหารือในวันที่ 12 ก.ค. นี้ จึงขอยืนยันว่าโครงการนี้พร้อมออกมาแน่นอนและน่าจะเปิดให้ลงทะเบียนและเริ่มใช้จ่ายได้ภายในไตรมาส 4 นี้
สำหรับข้อสรุปเบื้องต้นเรื่องการลงทะเบียนจะใช้ทั้งระบบ KYC ในการยืนยันตัวตนสำหรับประชาชน ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ซึ่งขณะนี้มีประชาชนเข้ามาลงทะเบียนบางส่วน และระบบ KYM ใช้ยืนยันตัวตนสำหรับร้านค้าที่เข้าร่วม เบื้องจากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์มีร้านค้าอยู่ในระบบแล้ว 2-3 ล้านราย คุณสมบัติผู้ที่เข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นหลักเกณฑ์เดิม คือ ผู้มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป (ข้อมูลวันที่ 30 กันยายน 2567) ,มีบัญชีเงินฝากทุกบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567) และผู้มีรายได้ไม่เกิน 840,000 บาท ในฐานปีภาษี 2566
ส่วนเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต มี 2 รอบ รอบแรก การใช้จ่ายระหว่าง “ประชาชน กับ ร้านค้า” ภายในรัศมีในอำเภอ และรอบสองใช้จ่ายระหว่าง “ร้านค้า กับ ร้านค้า” ไม่กำหนดระยะทางของร้านค้ากับร้านค้า และทุกร้านค้า
สำหรับรายการสินค้า Negative List ได้ตัดกลุ่มค้าประเภทสินค้านำเข้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์-เครื่องใช้ไฟฟ้า และโทรศัพท์มือถือออกจากโครงการนี้
ส่วนแหล่งเงินที่จะใช้รองรับโครงการนี้ มีการเปลี่ยนแปลง คือใช้เงินงบประมาณปี 67 จำนวน 1.75 แสนล้านบาท เป็นการทำงบเพิ่ม 1.22 แสนล้านบาท และบริหารจัดการงบ 4.3 หมื่นล้านบาท และงบปี 2568 จำนวน 2.84 แสนล้านบาท จะตั้งงบใช้ในโครงการนี้ 1.52 แสนล้านบาท และบริหารจัดการงบเพิ่มเติมอีก 1.32 แสนล้านบาท เมื่อรงมทั้ง 2 ปีงบฯ จะใช้งบฯ รวมกัน 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 10,000 บาท จำนวนผู้มีสิทธิลงทะเบียน 50 ล้านคน คาดจะมาลงทะเบียนประมาณ 90%
แหล่งเงินที่จัดใหม่ในรอบนี้เชื่อว่าเพียงพอและอาจไม่จำเป็นต้องใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส. ) ให้เกิดความกังวลอีกต่อไป ทั้งนี้ ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดแหล่งเงินจาก ธ.ก.ส. เสียทีเดียว เนื่องจากแหล่งเงินที่พิจารณาใหม่นี้ จะเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ในวันที่ 15 ก.ค. นี้ และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 30 ก.ค. นี้