กองทรัสต์ LHHOTEL เตรียมเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ณ วันที่ 27 กันยายน 2566 จองซื้อหน่วยทรัสต์ในวันที่ 16 – 20 ตุลาคม2566 และประชาชนทั่วไปจองซื้อวันที่ 24 – 27 ตุลาคม 2566 พร้อมเตรียมลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินคุณภาพ “รร. แกรนด์ เซนเตอร์พอยต์ สเปซ พัทยา” และ “รร. แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา” กระจายการลงทุนสู่พัทยารับธุรกิจโรงแรมฟื้นตัว โชว์อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 6 เดือนแรกปี 2566 กว่า 91%
นายกิตติ วรบรรพต กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด(LHMH) ในเครือบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะ Sponsor ของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล(LHHOTEL) เปิดเผยว่า จากศักยภาพของพัทยาที่เป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลกและได้รับปัจจัยบวกจากโครงการลงทุนต่างๆ เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาคอาเซียนและแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ เป็นต้น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ อาทิ โครงการยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3, พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมต่อ 3 สนามบิน ฯลฯ ส่งผลให้ภาพรวมการท่องเที่ยวของพัทยาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งหลังเปิดประเทศเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลเชิงบวกต่อภาคธุรกิจโรงแรมและการดำเนินงานของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซพัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมระดับลักชัวรี่และโรงแรมระดับบนที่พัฒนาและบริหารงานโดยบริษัทฯ รวมถึงเป็นแลนด์มาร์คของย่านพัทยาเหนือในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 ของโรงแรมทั้ง 2 แห่งในพัทยาดังกล่าว มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่า 91% จากชาวต่างชาติ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีฮ่องกง และคนไทย เป็นต้น รวมถึงมีลูกค้าที่เข้าพักซ้ำ แม้ว่าปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวจีนยังไม่ได้เดินทางมาไทยเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิด COVID-19 โดยโรงแรมแกรนด์เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา เปิดบริการเดือนสิงหาคม 2565 ส่วนโรงแรมแกรนด์เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา เปิดบริการปลายปี 2561
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ LHHOTEL เปิดเผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยฟื้นตัวได้ดีจากปีก่อน โดยช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 12.9 ล้านคน สูงกว่าทั้งปี 2565 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 11.2 ล้านคน ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย 25 – 30 ล้านคน และคาดว่าปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 35 ล้านคน โดยแนวโน้มการท่องเที่ยวของไทยในช่วงปลายปีนี้จะได้รับปัจจัยบวกจากการเข้าสู่ไฮซีซั่นและนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลชุดใหม่เช่น นโยบายฟรีวีซ่า เป็นต้น
ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีของการลงทุนภายใต้ในกองทรัสต์ประเภทโรงแรม ที่ได้รับผลเชิงบวกจากภาพรวมการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว อีกทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเข้าใกล้จุดสูงสุด ส่งผลดีต่อการลงทุนในกองทรัสต์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของกองทรัสต์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธบัตรรัฐบาลอยู่ที่ประมาณ 4.5% ถือว่าอยู่ในระดับสูงและน่าสนใจต่อการลงทุน โดยเฉพาะกองทรัสต์ LHHOTEL ที่มีผลการดำเนินงานฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง ซึ่งปัจจุบันมีทรัพย์สินโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์พอยต์ ที่เข้าลงทุนแล้ว 3 โครงการในกรุงเทพฯ และอยู่ระหว่างเดินหน้าลงทุนเพิ่มเติมในโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์พัทยา จาก บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด ในเครือ บมจ.แลนด์ แอนด์เฮ้าส์
ดร.ณัฐกวิน เจียมโชติพัฒนกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ LHHOTEL กล่าวว่า กองทรัสต์ LHHOTEL จัดตั้งขึ้นเมื่อปลายปี2558 และขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องทำให้ปัจจุบันมีทรัพย์สินที่ลงทุน 3 โครงการได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ราชดำริ และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 โดยผลการดำเนินงานช่วง6 เดือนแรกของปี 2566 ของโรงแรมทั้ง 3 แห่งดังกล่าว มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 90% และค่าห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 (ก่อนCOVID-19) แล้วกว่า 20% ขณะที่กองทรัสต์ LHHOTEL กลับมาจ่ายประโยชน์ตอบแทน (จ่ายปันผล) แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ตั้งแต่งวดไตรมาส 3/2565 โดยในช่วง 8 เดือนครึ่งแรกของปี 2566 จ่ายปันผลแล้ว 0.88 บาทต่อหน่วย ถือเป็นสถิติสูงสุดนับจากจัดตั้งกองทรัสต์ ล่าสุดพร้อมกันนี้กองทรัสต์ฯ เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมลงทุนเพื่อเติบโตไปด้วยกัน โดยจะลงทุนเพิ่มเติมในโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซพัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา ซึ่งนับเป็นการกระจายการลงทุนสู่พัทยาเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ภายหลังลงทุนเพิ่มเติม LHHOTEL จะมีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็นกว่า20,000 ล้านบาท และมีอายุสิทธิการเช่าคงเหลือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 22 ปีเศษ จากเดิมประมาณ 18 ปีเศษ รวมถึงมีการกระจายการลงทุนที่ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนทรัพย์สินในกรุงเทพฯ 55% และพัทยา 45%
นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า จุดเด่นของ LHHOTEL เป็นกองทรัสต์โรงแรมที่มีมูลค่าทรัพย์สินใหญ่ที่สุดในไทย มีผลการดำเนินงานฟื้นตัวอย่างรวดเร็วสะท้อนถึงศักยภาพของทรัพย์สินหลักในปัจจุบัน ล่าสุดเตรียมลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่า โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา โดยประมาณการอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนภายหลังการเข้าลงทุนในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 10.5%/2
ปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์และร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) มีผลใช้บังคับแล้ว โดยล่าสุด กองทรัสต์ LHHOTEL พร้อมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหน่วยทรัสต์ โดยสำหรับผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม/1 สามารถจองซื้อได้ในวันที่ 16 – 20 ตุลาคม 2566 ผ่านธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์และสำหรับประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อได้ในวันที่ 24 – 27 ตุลาคม 2566 ผ่านธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และผู้ร่วมจัดจำหน่าย ได้แก่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย , ธนาคารกรุงไทย , บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อินโนเวสท์ เอกซ์ , บล. เมย์แบงก์(ประเทศไทย) , บล. ดาโอ , บล. กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และบล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมจองซื้อที่ราคาเสนอขายสูงสุดที่จะมีการประกาศราคาในวันที่9 ตุลาคม 2566 และประชาชนทั่วไปจองซื้อที่ราคาเสนอขายสุดท้ายที่จะมีการประกาศราคาในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ทั้งนี้ จะมีการคืนส่วนต่างหากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุด
ศักยภาพและการลงทุนเพิ่มเติมในโรงแรม