"เศรษฐา" นายกฯควบ รมว. คลัง ถือฤกษ์ดีเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของกระทรวงคลังช่วงบ่ายโมง ประชุมมอบนโยบาย ขรก.และหน่วยงานในสังกัด สั่งให้ซัพพอร์ตนโยบายรัฐทุกเรื่อง ชู 2 นโยบายใหญ่ เรื่องใช้งบฯเยอะ ยันรักษาวินัยการคลัง ชี้หากกระตุ้นศก.ขยายตัวได้มาก ก็จะช่วยคุมหนี้สาธารณะสัดส่วนต่ำได้ และวิธีทำงานเน้นคุณภาพมีผลงาน ส่วนเงินดิจิทัลแจก 1 หมื่นบ. มาแน่ ขอเวลาอีก 1 เดือน เดินหน้าเพิ่มรายได้เกษตร คู่กับพักหนี้
วันนี้ (14 ก.ย. 2566) เมื่อเวลา 13.05 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ถือฤกษ์ดีเข้ากระทรวงการคลัง โดยจะเป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงการคลัง โดยเมื่อมาถึง นายกรัฐมนตรีมีสีหน้ายิ้มแย้มและโบกมือทักทายผู้บริหารกระทรวงการคลังและสื่อมวลชน ต่อจากนั้นเป็นพิธีการกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง “พระคลังมหาสมบัติ” และถวายผลไม้และคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรืองที่ “ช้างคู่” ประจำกระทรวงการคลัง พร้อมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังทั้ง 2 ท่าน รวมถึงคณะผู้บริหารกระทรวงการคลังและหน่วยงานในสังกัด และสื่อมวลชนจำนวนมากที่มารอทำข่าว หลังจากได้ทำพิธีสักการะเรียบร้อย นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เข้าเป็นประธานในการประชุมเพื่อมอบนโยบายการทำงานเป็นเวลาสั้นๆ หลังจากนั้น ได้ลงมาแถลงต่อสื่อมวลชนในการประชุมมอบนโยบาย
นายเศรษฐา ได้กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ได้หารือถึงภาวะเศรษฐกิจ ขณะนี้ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งก็ทราบกันดีว่า ว่า นโยบายของรัฐบาลมีอะไรบ้าง ดังนั้นกระทรวงการคลังก็มีหน้าที่ต้องช่วย support ในทุก ๆ เรื่องที่รัฐบาลทำ
โดยมี 2 เรื่องที่ได้ให้นโยบายในที่ประชุม ได้แก่
เรื่องแรก คือ การทำนโยบายต้องใช้งบประมาณเยอะ การรักษาวินัยการเงินการคลังจึงสำคัญ จะต้องตอบสังคมได้ว่า เอาเงินไปใช้อะไร และในระยะยาวจะส่งผลต่อเนื่องกับGDP ประเทศ ปัญหาหนี้สาธารณะจะเป็นอย่างไรบ้าง ควรมรสัดส่วนเป็นอย่างไรที่จะเหมาะสม
เรื่องที่สอง วิธีการทำงาน ความเป็นธรรม รัฐบาลให้เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ในการบริหารจัดการราชการ ที่ต้องมีความเป็นธรรม
"ปัญหาเรื่องเส้นสาย หรือการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ระบบการปูนบำเหน็จที่ไม่เป็นธรรม เราเห็นใจข้าราชการ ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานมาตลอด 30 แี ทำงานมีผลงานดีกว่า ควรจะได้รับการปูนบำเหน็จบำนาญ เพราะเสียสละมาทำงานเพื่อประเทศชาติ ปัญหานโยบายการทำงานที่ไม่เป็นธรรม วิธีการที่มีการโยกย้ายไม่เป็นธรรม มีผู้มีอำนาจใช้อิทธิพล มีนักการเมืองใช้เส้นสาย ผมก็จะช่วยเหลือเขา จะเป็นเกราะกำบังให้เขาทำงานได้สบายใจ มีประสิทธิภาพ มีการปูนบำเหน็จ"
สำหรับการใช้งบประมาณสูง เพื่อทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ถือเป็นเรื่องจำเป็น เป็นเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งหาก GDP มีสัดส่วนมากกว่า ก็อาจทำให้หนี้สาธารณะมีสัดส่วนไม่เพิ่มขึ้นหรือคงที่ได้
"ในการทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ต้องมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว เรื่องการทำพักหนี้ถ้าไม่ทำควบคู่กับการเพิ่มรายได้ ก็จะไม่แก้ปัญหาระยะยาว เราก็ต้องทำควบคู่กับรายได้ เราอยากจะเพิ่มรายได้ช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งเป๋นฐานใหญ่ ในระยะเวลาอันใกล้ ก็จะมีมาตรการใหม่ ๆ ออกมาเป็นขวัญและกำลังใจ"
ส่วนจะให้ธนาคารภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือดำเนินการอย่างไร ในขณะนี้ถือว่าเป็นธนาคารที่มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
นายเศรษฐากล่าวถึงการขาดดุลเพิ่ม 1 แสนล้านบาทในปีงบประมาณ 2567 นั้น จะเป็นการนำเงินไปใช้ดำเนินการหลาย อย่าง ส่วนปัญหาหนี้ของกลุ่มอื่นๆ ก็จะพิจารณาต่อไป ต่ตอนนี้กลุ่มไหนทำได้ก่อนก็จะทำทันที เพื่อจะได้ทำให้บางภาคส่วนสบายใจได้ว่ารัฐบาลตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวย้ำว่า เรื่องของการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ทำแน่นอน และแหล่งเงินมีแน่นอนและมาจากหลายแหล่ง ขณะนี้ อยู่ระหว่างดู option ไหนที่จะเหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตาม จะมีการนำฐานข้อมูลจากแอปพลิเคชั่น "เป๋าตังค์" ที่มีการ Kyc ไว้แล้ว มาต่อยอดด้วย และจะมีการทำบล็อกเชนด้วย คาดว่าจะสรุปออกมาได้ภายใน1 เดือน
ส่วนของการปรับวิธีจ่ายเงินเดือนของช้าราชการ เป็นเดือนละ 2 ครั้งนั้น ก็ได้มีการพูดและรับฟังถึงปัญหาอุปสรรค ซึ่งจะต้องมีการพัฒนา sofeware แตาก็จะมีทางเลือกให้สำหรับคนที่ต้องการรับเดือนละ 1 ครั้งด้วย ดังนั้นจะมี 2 รูปแบบเป็นทางเลือกให้ข้าราชการ