บลจ.ทิสโก้ประเดิมปีกระต่าย เสิร์ฟกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#5 (TCHT5M5) คาดเศรษฐกิจจีนโตเด่น 4.6% ขยายตัวได้ดีเมื่อเทียบกับปีก่อน จากนโยบายเปิดประเทศ และรัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย เปิด IPO 3-10 ม.ค.66
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมาธิการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) ได้ออกแถลงการณ์ยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจจีนกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นอีกครั้งโดยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) คาดว่าปี 2566 เศรษฐกิจจีนจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% จากปี 2565 ที่เติบโตเพียง 3.3% โดยการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการเปิดประเทศ และในอนาคตรัฐบาลจีนอาจเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่างๆ เช่น ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย และลดอัตราส่วนสำรองขั้นต่ำ (RRR) และสนับสนุนผู้ประกอบการอสังหาเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นต้น
ทั้งนี้ จากปัจจัยบวกต่างๆ ข้างต้น ทำให้นักวิเคราะห์เริ่มปรับเพิ่มประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน บลจ.ทิสโก้จึงคาดว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อการฟื้นตัวของดัชนี HSCEI ดังนั้น เพื่อให้นักลงทุนไม่พลาดโอกาสสร้างกำไรจากดัชนี HSCEI ที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 5 เดือนนี้ บลจ.ทิสโก้จึงจับจังหวะเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#5 (TCHT5M5) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ Hang Seng China Enterprises Index ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ประเภทกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน
ซึ่งกองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Hang Seng China Enterprises Index ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง บริหารและจัดการโดย Hang Seng Investment Management Limited เปิดเสนอขายครั้งแรก(IPO) ตั้งแต่วันที่ 3-10 ม.ค. 2566 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท
กองทุนได้กำหนดเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ10.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งการกำหนดเป้าหมาย 10.50 บาทต่อหน่วยไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ลงทุนสามารถซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการโดยเป้าหมายที่เป็นเหตุให้เลิกโครงการยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ซึ่งเป้าหมายเลิกโครงการเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง (ถ้ามี)
"ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงระยะเวลา 5 เดือนได้ ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก" บลจ. ทิสโก้ระบุ