Economies

สแตนชาร์ต ชี้กนง. ส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้น มิ.ย. ยื้อเวลา เร่งฟื้นเศรษฐกิจก่อนขยับดอกเบี้ย ครึ่งปีหลังบาทแข็งค่า
8 เม.ย 2565

สแตนชาร์ต มองกนง.ปรับมุมมองดอกเบี้ยขาขึ้นในรอบประชุมมิ.ย.นี้  ชี้ยื้อเวลาคงดอกเบี้ย 0.50% ถึงกลางปีหน้า และคาดจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในไตรมาส 3/66  ช่วงนี้เร่งฟื้นเศรษฐกิจ พร้อมคงคาดการณ์ GDP ปีนี้ 3.3%  เกาะติดเงินเฟ้อสูงเร่งตัวเป็นระยะสั้นหรือไม่ 

 

ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า แม้ว่ามีการคาดการณ์คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.  จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 0.50 ไปจนถึงกลางปีหน้า ท่ามกลางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลักอื่นๆ จะเริ่มสูงกว่าของไทย ดังนั้น เพื่อเป็นการลดความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น จึงคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) อาจจะเริ่มมีการส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากเงินเฟ้อไทยกำลังปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง 

 

"โดยยังต้องติดตามว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อนี้จะเป็นเพียงระยะสั้นหรือไม่ และจำเป็นต้องใช้ดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาในตอนนี้หรือไม่ และต้องให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็งเพียงพอที่จะรับมือกับการขึ้นดอกเบี้ยได้ก่อน ธปท. จึงจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างไม่เป็นกังวล ซึ่งในขณะเดียวกัน เราต้องติดตามดูว่าภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั่วโลกจะชะลอตัวลงไหม ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดจากนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นและรายได้แท้จริง (หักเงินเฟ้อ) ที่อาจลดลง" ดร. ทิมกล่าว 

 

สถานการณ์ธนาคารกลางในประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศได้ส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น โดยมีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มนำร่อง และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ความเห็นจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดหลายท่านทำให้ตลาดเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐจะมีการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก ดังนั้น ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งละ 0.50% ในการประชุมเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่จะถึงนี้ จากนั้นจะปรับขึ้นอีก 0.25% ในการประชุมเดือนกรกฎาคม ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด อย่างไรก็ตาม ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมีมุมมองว่า ทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดหลังจากเดือนกรกฎาคมนั้นจะไม่รุนแรงเท่าที่ตลาดคาดการณ์ในตอนนี้

 

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2565 น่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลลบต่อดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ค่าเงินบาท น่าจะค่อยๆปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์ โดยมองว่าค่าเงินบาทจะอยู่ที่ราว 33 ในครึ่งปีแรกของปี 2565 และปรับเป็น 32.5 และ 32 ในไตรมาส 3 และ 4 ตามลำดับ

 

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดยังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อเศรษฐกิจไทย โดยคงประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทย(GDP)ในปี 2565 ที่ร้อยละ 3.3
โดยงานหลักๆ ในปีนี้ คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ซ่ึ่งจะส่งผลต่อความต่อเนื่องในการฟื้นตัวในปี 2566  เพราะฉะนั้น การที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องนั้น รัฐบาลอาจต้องเข้ามาช่วยผลักดันมาตรการและนโยบายต่างๆ และหากมองว่าการกู้เงินเพิ่มเพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพมีความจำเป็น ประเทศไทยก็ยังพอมีความสามารถที่จะกู้เงินเพิ่มได้อีก ในส่วนของสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ยังอยู่ในภาวะปกติ โดยการพิจารณางบประมาณปี 2566 น่าจะเสร็จสิ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปจะเริ่มขึ้น 
 


"เราคงประมาณการ GDP ปีนี้ไว้ เพราะก่อนหน้านี้ ตัวเลขของเราต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ตอนนี้ตลาดกำลังปรับลดประมาณการลงมา เมื่อมองไปข้างหน้า เราหวังจะเห็นเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการปรับตัวใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19” ดร.ทิม กล่าว

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com