ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 65 เงินสะพัดหดตัว 2.5% เหลือแค่ 2.3หมื่นล้าน เหตุค่าครองชีพสูง คนกรุงฯ "กิน-ช้อป-เที่ยว" ประหยัด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า จากภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปี 64 ต่อเนื่องถึงต้นปี 65 ซ้ำเติมด้วยสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตอาหารและพลังงานดีดตัวสูงขึ้น กดดันกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว ในขณะที่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า มูลค่าการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 65 น่าจะหดตัวต่อเนื่องจากปี 64 เหลือ 23,400 ล้านบาท เนื่องจากชาวกรุงฯ ลดกิจกรรมฉลองสงกรานต์และเลือกใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นสะท้อนว่า มูลค่าการใช้จ่ายส่วนใหญ่ปรับลดลงเกือบทุกประเภท
โดยในส่วนของการใช้จ่ายสำหรับเลี้ยงสังสรรค์/ค่าอาหารและเครื่องดื่มคิดเป็น 40% ของเม็ดเงินรวม หรืออยู่ที่ 9,500 ล้านบาท ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีแผนทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน โดยเน้นประหยัดค่าใช้จ่าย ในขณะที่เม็ดเงินการช้อปปิงซื้อสินค้าอยู่ที่ 4,200 ล้านบาท โดยงด/ลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เน้นซื้อสินค้าที่มีโปรโมชั่นลดราคา และมีแนวโน้มชะลอการซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เม็ดเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากฐานที่ต่ำในปี 64 อยู่ที่ 6,050 ล้านบาท โดยผู้ตอบแบบสอบถามเน้นใช้จ่ายอย่างระมัดระวังโดยให้อยู่ภายใต้งบประมาณที่ตั้งไว้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผู้ประกอบการธุรกิจอาจเน้นโปรโมชั่นส่งเสริมการขายระยะสั้นสำหรับสินค้าบางกลุ่ม เช่น สินค้าแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือสินค้าที่มีอายุผลิตภัณฑ์จำกัด เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มลูกค้าที่ยังมีงบประมาณในการจับจ่าย
โดยการออกโปรโมชั่นลดราคาแบบขั้นบันได การให้ส่วนลดพิเศษสินค้าที่ขายได้ช้า หรือจัดชุดสินค้าแบบเซทเพื่อจูงใจให้เพิ่มปริมาณการซื้อสินค้าต่อครั้งมากขึ้น อันเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ธุรกิจต้องเน้นบริหารต้นทุนสินค้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อสร้างความแตกต่างในภาวะที่ตลาดมีการแข่งขันที่เข้มข้น