Economies

กสิกรฯ คาดกนง.ยังคงดอกเบี้ย ไม่ตามตปท.แม้เงินเฟ้อจะเร่งตัวสูงขึ้น
7 ก.พ. 2565

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาด ที่ประชุม กนง. 9 ก.พ.นี้ จะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป ไม่ตามทิศทางตปท. แม้เงินเฟ้อจะเร่งตัวสูงขึ้น

          

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมิน ว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 9 ก.พ.นี้ จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจไทยคาดว่า จะได้รับผลกระทบจากโอมิครอนในระดับหนึ่ง แต่คาดว่า ผลกระทบจะมีจำกัด และน้อยกว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ก่อนหน้า
          

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีความเปราะบาง ท่ามกลางตลาดแรงงานและกำลังซื้อของประชาชนที่ยังคงอ่อนแรง เนื่องจากได้รับผลกระทบที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาด ขณะที่ สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทย คาดว่า จะยังไม่สามารถกลับสู่ระดับก่อนวิกฤติโควิด-19 ได้ภายในปีนี้ ดังนั้น มาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการคลังที่ต่อเนื่อง จึงยังมีความจำเป็นที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
          

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อไปยังกำลังซื้อของผู้บริโภค และอาจเป็นความเสี่ยงหลักของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นนั้น เกิดจากปัจจัยด้านอุปทานที่ตึงตัวเป็นหลัก ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย อาจไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อได้อย่างตรงจุดเท่าใดนัก อีกทั้ง จะยิ่งไปบั่นทอนการบริโภคและการลงทุนไปมากกว่าเดิม
          

"ดังนั้น คาดว่า กนง.คงจะยังไม่พิจารณาเลือกใช้นโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสกัดกันเงินเฟ้อ ตามทิศทางธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังคงไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ นอกจากนี้ กนง. คงจะมีมุมมองว่า เงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงได้ในระยะข้างหน้า หากปัญหาในฝั่งอุปทานนั้นคลี่คลายลง ซึ่งแม้ว่าเงินเฟ้อจะเร่งตัวสูงขึ้น แต่กนง. น่าจะยังคงคาดการณ์ ว่าระดับเงินเฟ้อของไทยในปีนี้ น่าจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของกนง. ที่ 1-3%" บทวิเคราะห์ ระบุ
          

อย่างไรก็ดี กนง. อาจเผชิญความท้าทายในการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในระยะข้างหน้า หากเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น และธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวมากกว่าที่เคยส่งสัญญาณไว้ ซึ่งอาจส่งให้ค่าเงินบาทเผชิญแรงกดดันให้อยู่ในทิศทางอ่อนค่าได้ ซึ่งหากเฟดยังคงเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้ออย่างมาก และมีความจำเป็นต้องพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่เคยส่งสัญญาณไว้ อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย และกดดันค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินบาทให้อยู่ในทิศทางอ่อนค่าได้ ทำให้กนง. ต้องเผชิญกับสถานการณ์ทางเลือกที่จะต้องชั่งน้ำหนัก ระหว่างประเด็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพด้านการเงินผ่านอัตราแลกเปลี่ยน
          

โดยหาก กนง. พิจารณาคงดอกเบี้ยในระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะยิ่งไปเร่งให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นผ่านทางต้นทุนสินค้านำเข้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ในทางตรงกันข้าม หาก กนง. พิจารณาปรับดอกเบี้ยขึ้นเพื่อรักษาอัตราแลกเปลี่ยนและเงินเฟ้อในระดับที่เหมาะสม แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยก็จะยิ่งไปกดดันอุปสงค์และการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com