ดร.กอบศักดิ์ มอง ศก.ไทยครึ่งปีหลัง ภาคท่องเที่ยวโตดี อานิสงส์ช่วงไฮซีซั่น นักท่องเที่ยวปีนี้ตามเป้า 30 ล้านคน คาด GDP โตดี ชี้ตลาดหุ้นรอรัฐบาลฟื้นเชื่อมั่น ต่างชาติจับตานโยบายชัดเจน ชี้อนาคตไทยไปต่อ เร่งดึงเงินลงทุน FDI โดยเฉพาะจีน จ่อชงปรับรูปแบบกองทุน SSF ลดหย่อนภาษี
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยในงาน “Thailand Focus 2023” ว่า ในไตรมาส 2/66 ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย (GDP)อยู่ที่ 1.8% เนื่องจากภาคส่งออกที่ติดลบ ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จึงเกี่ยวพันกระทบต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัว ส่วนแนวโน้มในครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจไทยยังมีภาคท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หลัก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นโดยเฉพาะไตรมาส4/2566 หากเข้ามาเพิ่มได้เดือนละ 3 ล้านรายต่อเดือน จากปัจจุบันมีจำนวน เกือบ 2.5 ล้านรายต่อเดือน จะทำให้ปีนี้ นักท่อเงที่ยวเข้าไทยได้จำนวน 30 ล้านราย ซึ่งคาดว่ารายได้จากภาคท่องเที่ยวจะช่วยทดแทนภาคส่งออกที่ยังชะลอตัวอยู่ ส่วนด้านงบประมาณรัฐบาลคาดจะมีความล่าช้า ไปอีก 3 เดือน ต้องไปรอต้นปีหน้าแล้ว
“ภาคท่องเที่ยวเป็นหัวใจของเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้ยังมีนักท่องเที่ยวจีนที่ยังเข้ามาน้อย ส่วนญี่ปุ่นก็อยากเข้ามาไทยมาก รัฐบาลใหม่อยากจะช่วยภาคท่องเที่ยว ขอให้ทำขั้นตอนวีซ่าให้ง่าย คนจีนสามารถเดินทางมาไทยได้มากขึ้น การเพิ่มไฟลท์บินญี่ปุ่นโปรโมทนักท่องเที่ยวตลาดใหม่ๆอย่าง อินเดีย, อิสราเอล, ตะวันออกกลาง ถ้าสามารถพลิกฟื้นภาคท่องเที่ยวให้เข้มแข็งในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ประคองเศรษฐกิจไปได้ดีโตได้ 3% "
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เชื่อว่าเงินลงทุนต่างชาติ(ฟันด์โฟลท) ที่เคยกังวลใจ จะเริ่มกลับมาไทยมากขึ้น หากเห็นว่าปัญหาการเมืองนิ่งลงและเห็นนโยบายต่างๆของรัฐบาลนี้จะสร้างอนาคตไทยได้แท้จริงแค่ไหน เพราะการลงทุนโดยตรงของต่างชาติ ถือเป็นการลงทุนระยะยาว หรือถือยาว 5-10 ปี ดังนั้นหากนโยบายต่าง ๆ สามารถสร้างความเชื่อมั่นตรงนี้ได้ ก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย
“สำหรับรัฐบาลใหม่ตอนนี้ ต้องรอดูการแบ่งเค้ก (กระทรวง) ก่อน และแนวนโยบายต่างๆที่จะทำของพรรคร่วม เพราะแต่ละพรรคจะมีนโยบายของตัวเองเพื่อไปสู่การเลือกตั้งครั้งถัดไป นโยบายก็จะสอดประสานแต่ไม่สนิท จะมีช่องว่างอยู่ระหว่างนั้น ”
สำหรับโจทย์เศรษฐกิจที่ฝากถึงรัฐบาลใหม่ ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า การประคองเศรษฐกิจไทยให้ผ่านช่วงคับขันที่สุดของเศรษฐกิจโลกไปให้ได้ โดยปีนี้ จะเห็นจีนมองหาประเทศที่จะเป็นฐานการผลิต นอกเหนือจากเน้นไปประเทศเวียดนาม ดังนั้นไทยควรฉวยโอกาสนี้ สนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งจะดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) เข้ามาไทย แม้ว่าเม็ดเงินจะยังไม่เข้ามาในทันที แต่จะเป็นส่วนช่วยสร้างความเชื่อมั่นหรือกำลังใจที่ดีภายในประเทศ อีกทั้งยังช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์อีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากนักธุรกิจจีนมาไทย ถือเป็นบ้านหลังที่ 2 เห็นได้จากแรงซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมที่สูง ดังนั้น อยากให้รัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น
ดร. กอบศักดิ์ กล่าวถึง การเตรียมเสนอเรื่องเกี่ยวกับการส่งเสริมตลาดทุนไทยเสนอรัฐบาลใหม่ ว่า ในเบื้องต้น จะขอหารือเรื่องพิจารณาออกกองทุนลดหย่อนภาษีกองใหม่หลังจากกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) จะหมดอายุลงในปีนี้ ซึ่งอยากให้มีการปรับปรุงรูปแบบกองทุนดังกล่าวให้มีความน่าสนใจมากกว่านี้ด้วยเนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้เป็นที่สนใจแก่นักลงทุนมากนัก และเดินหน้าแก้กฎเกณฑ์และกฎหมายต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับ Digital Government เพื่อทำให้การอนุมัติ การอนุญาต หรือการติดต่อหน่วยงานภาครัฐ เป็นไปด้วยความสะดวก การปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับตลาดทุนให้รัดกุม หลังจากพบปัญหาตลาดทุนอย่างกรณี บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK), บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) และการหลอกลวงการลงทุนต่าง ๆ