Economies

รมว.คลัง  สั่งแบงก์รัฐ-แบงก์พาณิชย์ช่วยลูกหนี้ต่อเนื่อง หลังมหกรรมแก้ไขหนี้ปิดฉากลงช่วยลูกหนี้เพียง 5 หมื่นราย ยอดหนี้ 1.2 หมื่น ลบ.
7 ก.พ. 2566

รมว.คลัง เผยมหกรรมแก้หนี้ ปิดฉากลงช่วยลูกหนี้ได้ 5  หมื่นราย ยอดหนี้1.2 ล้านบาทพร้อมสั่งแบงก์รัฐ-แบงก์พารณิชน์ เดินหน้าช่วยเหลือลูกหนี้ตกค่างอีกว่า 3 แสนราย  เน้นช่วยลดภาระจ่ายหนี้ต่องวด และยืดกนี้ ให้สอดรับกับความสามารถชำระหนี้ของลูกหนี้ด้วย  ตาอลมหายใจลูกหนี้หื้นตัว

 

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แม้โครงการมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ที่ดำเนินการมาในปี2565 ได้ปิดตัวลงแล้ว  แต่การช่วยเหลือลูกหนี้แก้ไขปัฆยาหนี้สินยังต้องดำเนินการต่อเนื่อง  เนื่องจากยังมีลูกหนี้อีกกจำนวนมากที่ยังเข้าไม่ถึงการปรับปรุงงโครงสร้างหนี้ ซึ่งยังจำเป็นต้องช่วยเหลือลดภาระจ่ายหนี้ลง นอกจากการขยายเวลาชำระหนี้  เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละสัญญาและแต่ละรายอย่างแท้จริง  โดยได้ให้นโยบายสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ หรือแบงก์รับ ดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องและขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประสานกีบธนาคารพาณิชย์ดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้เช่นเดียวกัน

 

"แม้ว่าการจัดงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” จะจบลงแล้ว แต่การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ประชาชนยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยลูกหนี้ที่ประสบปัญหาหนี้สินสามารถติดต่อขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ที่สาขาของสถาบันการเงินทุกแห่งทั่วประเทศ หรือเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการทางด่วนแก้หนี้ โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน หรือ โครงการคลินิกแก้หนี้ ได้ตลอดเวลา" รมว.คลัง กล่าว

 

ส่วนดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นนั้น ได้ขอให้สถาบันการเงินพิจารณาในประเด็นเรื่องดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นและเงินงวดที่ต้องจ่าย สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ด้วย สินเชื่อใหใาก็ขึ้นกับพิจารณาความสามารถชำระหนี้และกำหนดระะยะเวลายาวนานที่สุด

 

สำหรังผลการจัดงานมหกรรมแก้หนี้ ทั้งรูปแบบออนไลน์ และการจัดสัญจร 5 ภาค เมื่อปีที่แล้ว   จำนวนผู้ลงทะเบียนเพื่อขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้  440,000 รายการ  ส่วนใหญ่เป็นหนี้เกี่ยวกับบัตรกดเงินสด บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล  แบ่งเป็น กลุ่มลูกหนี้ที่แก้ไขได้  50,000 รายการ  ยอดรวม 12,000 ล้านบาท

 

กลุ่มลูกหนี้ที่ลงทะเบียนไว้แต่ติดต่อไม่ได้จำนวน 100,000 รายการ กลุ่มลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้จำนวน 150,000 รายการ

 

นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า  ธปท.จะติดตามการแก้ไขหนี้ของผู้ลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์กับแบงก์พาณิชย์อย่างใกล้ชิด หากรายใดเจรจาไม่ได้  ธปท.จะเข้าไปช่วยเจรจาให้ด้วย ซึ่ง ธปท.ได้จัดช่องทางเสริมให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 

1 ช่องทางทางด่วนแก้หนี้  สำหรับประชาชนที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้แต่ติดต่อเจ้าหนี้ไม่ได้หรือติดต่อแล้วแต่ยังไม่สามารถตกลงเงื่อนไขกันได้ 

 

2 หมอหนี้เพื่อประชาชน ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างครบวงจรทั้งลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบธุรกิจ SMEs 

 

3 คลินิกแก้หนี้  เป็นช่องทางปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียจากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล ที่ไม่มีหลักประกัน

 

นายรณดล กล่าวว่า  ในเดือน ก.พ. นี้ธปท.จะเผยแพร่เอกสารทิศทาง (Directional Paper)  สำหรับสื่อสารแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน รวมทั้งช่วยให้ทุกภาคส่วนเห็นทิศทางการดำเนินงานในระยะต่อไปและแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น  ซึ่งเอกสารนี้ประกอบด้วยแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ที่มีอยู่เดิม และการปล่อยหนี้ใหม่ให้มีคุณภาพให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ  รวมถึงการวางรากฐานที่จำเป็นอื่น ๆเช่น การพัฒนาฐานข้อมูลให้มีข้อมูลหลากหลาย สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงของลูกหนี้   การปลูกฝังให้ลูกหนี้มีวินัยทางการเงิน  เป็นต้น

 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)ในฐานะประธานสมาคมแบงก์รัฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมา แบงก์รัฐเองได้มีการตรึงอัตราดอกเบี้ยกู้ไว้ให้นานที่สุดแล้วเพื่อดูแลลูกหนี้ ตลอดปีที่แล้ว  และเพิ่งมีการปรับดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งแรกในต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งก็ยังเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาด

 

นอกจากนี้  แบงก์รัฐได้จัดกลุ่มลูกหนี้เป็น 3 กลุ่ม  ได้แก่ กลุ่มลูกหนี้ปกติ จะเข้าไปบริหารจัดการให้การชำระหนี้ต่องวดลดลง แต่ระยะเวลาของหนี้ยาวขึ้น  กลุ่มลูกหนี้ทร่เป็นหนี้เสีย  ได้เข้าไปช่วยปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และกลุ่มที่เป็นลูกหนี้ใหม่  จะเข้าไปดูความสามารถในการชำระหนี้ 

 

นายชื่นชอบ คงอุดม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงการคลัง กล่าวว่า  ผลการจัดงานมหกรรมแก้ไขหนี้รูปแบบสัญจร จำนวน 5 ครั้ง ในกรุงเทพมหานคร ขอนแก่น เชียงใหม่ ชลบุรี และสงขลาว่า มีประชาชนและผู้ประกอบการขอรับบริการภายในงานเป็นจำนวนมากกว่า  34,000  รายการ คิดเป็นจำนวนเงินมากกว่า 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการขอรับคำปรึกษาด้านการเงินและแนวทางในการประกอบอาชีพ จำนวนมากที่สุด 13,000 รายการ รองลงมา คือ การขอแก้ไขปัญหาหนี้สินที่มีอยู่เดิมมากกว่า 10,000 รายการ คิดเป็นจำนวนเงินมากกว่า 10,000 ล้านบาท การขอสินเชื่อเพิ่มเติมมากกว่า 4,000 รายการ คิดเป็นจำนวนเงินมากกว่า 8 ,000 ล้านบาท และการเข้าร่วมกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์เงินฝาก การตรวจข้อมูลเครดิตโดย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นต้น

 

ส่วนผลการจัดงานมหกรรมฯ รูปแบบออนไลน์ มีผู้ลงทะเบียนเพื่อขอแก้ไขหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ผ่านระบบออนไลน์ทั้งสิ้นมากกว่า 188,000 ราย คิดเป็นจำนวนรายการสะสมมากกว่า 413,000 รายการ ประกอบด้วย ลูกหนี้ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 35% ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 31% และภาคอื่น ๆ 34% ของลูกหนี้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด และประเภทสินเชื่อที่มีการลงทะเบียนสูงสุด คือ บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 75% สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 6% สินเชื่อรายย่อยอื่น 5% สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 4%และสินเชื่อประเภทอื่นๆ10% 

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com