บลจ.วรรณ มั่นใจจีนเปิดเมืองและปริมาณเม็ดเงินในระบบยังสูง เริ่มมีสัญญาณ Fund Flow ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ พร้อมเปิดเสนอกองทุนเปิด วรรณ ไชน่า ท็อป 10M2 ทริกเกอร์ฟันด์ เป้าหมายสร้างผลตอบแทนสุทธิ 8% ภายใน 10 เดือน รับซื้อคืนหน่วยลงทุน 2 ครั้ง เมื่อระดับราคา NAV แตะผ่านที่ระดับ 10.40 บาทต่อหน่วย และปิดโครงการ เมื่อ NAV แตะระดับ 10.84 บาทต่อหน่วย โดยเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 23 ม.ค. – 3 ก.พ.นี้
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า บริษัทมีมุมมองเชิงบวกเพิ่มขึ้นต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน โดยมองว่า การเริ่มส่งสัญญาณจากรัฐบาลจีนเตรียมขยายมาตรการทางการคลังในระดับปานกลางเพื่อหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2023 หลังจากรายงานภาคการผลิตและภาคบริการของจีนยังคงตกต่ำในเดือนที่ผ่านมา โดยจะระดมทุนผ่านพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นแบบพิเศษ ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น อีกทั้งความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี เริ่มลดลงเช่นกัน ซึ่งล่าสุด ทางการจีนเตรียมแผนที่จะใช้มาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่องแก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศบางรายที่มีความสำคัญเชิงระบบ รวมถึงแผนผ่อนปรนมาตรการ “Three Red Lines” ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อแก้ปัญหาฟองสบู่ภาคอสังหาฯโดยทางการจะผ่อนปรนเพดานการก่อหนี้ รวมทั้งเลื่อนกำหนดการบังคับใช้สัดส่วนหนี้ของบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ออกไปจากกำหนดเดิม มิ.ย. 2023 เป็น ก.ย. 2023
ในส่วนของธุรกิจหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มมี Sentiment เชิงบวกจากข่าวคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคาร และการประกันภัยของจีน (CBIRC) อนุมัติแผนเพิ่มทุนของบริษัท Ant Group จำนวน 10.5 พันล้านหยวน (1.5 พันล้านดอลลาร์) เป็น 18.5 พันล้านหยวน ควบคู่กับการทยอยผ่อนปรนการให้ใบอนุญาตออกเกมใหม่ ซึ่งรวมถึงเกมต่างประเทศกว่า45 เกม และเกมในประเทศกว่า 80 เกมในเดือน ธ.ค. ซึ่งช่วยลดแรงกดดันต่อตลาดเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ ได้มีการปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรป โดยมองว่าปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลงในปี 2023 สวนทางกับเศรษฐกิจจีนและไทยที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น และหากพิจารณาในเชิงของราคาหุ้นในตลาดหุ้นจีน โดยในสัปดาห์แรกของปี 2023 ตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะหุ้นจีน Offshore ซึ่งได้ปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายการเปิดเมืองของจีน อีกทั้งพบว่า อัตราการออมของคนจีนสูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อน Covid19 ตัวเลขการออมสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งสามารถสนับสนุนการบริโภคในจีนในช่วงเปิดเมืองได้ดี
“ในเชิงมูลค่าหุ้นของตลาดหุ้นจีน คาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ปีนี้ ของ MSCI China, CSI300, HSCEI เติบโตอยู่ที่ 24% 25% และ19% ตามลำดับทั้งนี้ ดัชนี MSCI China มีมูลค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี โดยเริ่มมีสัญญาณการไหลกลับของเงินทุนต่างประเทศ เข้ากลุ่มประเทศ Emerging หลังจากที่ 10 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาถูกเทขายมาตลอด ซึ่งมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อ Sentiment การลงทุนของตลาดหุ้นจีน” นายพจน์กล่าว
นายพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากปัจจัยเรื่องนโยบายผ่อนคลายกระตุ้นเศรษฐกิจและ Downside risk ของตลาดหุ้นจีนเริ่มมีแนวโน้มจำกัดในปัจจุบัน ดังนั้นบริษัทเล็งเห็นโอกาสการกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีนรอบใหม่ โดยขอแนะนำกองทุน Trigger Fund กองทุนเปิด วรรณ ไชน่า ท็อป 10M2 (ONE-CHINATOP10M2) ซึ่งจะเปิดเสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึง 3 ก.พ. 66 กองทุน ONE-CHINATOP10M2 มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ตั้งเป้าสร้างผลตอบแทนสุทธิให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่ 8% ภายในระยะเวลา 10 เดือน
โดยเน้นลงทุนในผ่านกองทุน UBS (Lux) IS - China A Opportunityในสัดส่วนประมาณ 40% ในหุ้นที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์โดดเด่นจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์และแนวโน้มการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่จากรัฐบาลจีน และลงทุนในสัดส่วนเท่ากัน 20% ใน Hang Seng China Enterprises Index ETF และTracker Fund of Hong Kong อีกประมาณ 15% จะลงทุนใน KraneShares CSI China Internet ETF โดยกองทุน ETF เน้นสร้างผลตอบแทนตามดัชนี CSI Overseas China Internet Index ซึ่งรวมการลงทุนหุ้นจีนในธุรกิจ Internet หรือเกี่ยวข้องกับ Internet และเทคโนโลยีเป็นหลัก ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนของพอร์ตขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุนเพื่อให้มีความเหมาะสมแต่ละช่วงจังหวะตลาด