Economies

แกร็บ ปี 68 เปิดเกมรุกสร้างรายได้เติบโต เพิ่มบริการทั้งเรียกรถ-สั่งอาหาร   ขยายกลุ่ม ครอบครัว-VIP
18 มี.ค. 2568

แกร็บ ประเทศไทย เปิดแผนปี 68 วางกลยุทธ์ปั้นรายได้เติบโต ฝ่าเศรษฐกิจทรงตัว เพิ่มบริการทั้งเรียกรถ-สั่งอาหาร  ขายแพคเกจบริการกวาดตลาดครอบครัว-ลูกค้า VIP  ปล่อยฟีเจอร์ใหม่ - หนุนรัฐดึงนักท่องเที่ยวพร้อมการตลาดจุดไฟไรเดอร์เน้นบริการดี เข้าถึงการเงอน-ดอกเบี้ยถูก ฃ-ประกันคุ้มครอง

 

เผยไฮไลท์ความสำเร็จในปี 2567 พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2568 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Lead with Purpose” ผ่าน 5 กลยุทธ์ “S.M.A.R.T” มุ่งสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (Sustainability) ขยายบริการให้เข้าถึงคนทุกเจเนอเรชัน รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Market Expansion) นำเสนอทางเลือกของบริการในราคาที่เข้าถึงได้ (Affordability) รักษาฐานลูกค้าและมัดใจคนขับ-พาร์ทเนอร์ร้านค้า (Retention) พัฒนาเทคโนโลยีและบริการใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคน (Tech & Innovation)

 

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2568 แนวโน้มเศรษฐกิจน่าจะทรงๆตัว ซึ่งทาง แกร็บ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตภายใต้วิสัยทัศน์ “Lead with Purpose” และมุ่งสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน เพื่อยึดครองความเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ที่ผู้ใช้ให้ความเชื่อมั่นทั้งในบริการเรียกรถผ่านแอปและเดลิเวอรี  ท่ามกลางการเติบโตของตลาดเดลิเวอรี่ และนโยบายสนัลสนุนการท่องเที่ยวของรัฐบาล ทำให้กร็บ  ยังมีโอกาสสร้างการเติบโตอย่างมากๆในปีนี้

 

สำหรับทิศทางการดำเนินงานของแกร็บ ในปีนี้ จะมุ่งเน้นไปที่ 5 แนวทางหลักภายใต้กลยุทธ์ “S.M.A.R.T” ซึ่งประกอบด้วย

S ( Sustainability ) มุ่งสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมนอกจากการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แกร็บเดินหน้าสานต่อ“โครงการ Grab EV” ที่ส่งเสริมให้คนขับใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อลดผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันมียอดการใช้รถ EV แล้วกว่าหนึ่งหมื่นคัน ควบคู่ไปกับ “โครงการชดเชยคาร์บอน” ที่ให้ผู้ใช้บริการร่วมบริจาคเงินผ่านฟีเจอร์ Carbon Offset เพื่อนำไปซื้อคาร์บอนเครดิตและทำกิจกรรมปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว นอกจากนี้ ยังได้ริเริ่มทดลองกิจกรรมใหม่ๆ อย่าง“โครงการ Grab Go Green อิ่มคุ้มช่วยโลกกับ GrabFood” ที่ส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการสั่งอาหารในราคาพิเศษในช่วงก่อนปิดร้านเพื่อช่วยลดขยะอาหารจากร้านค้า เป็นต้น ส่วนในด้านสังคม นอกเหนือจากกลุ่มคนขับและพาร์ทเนอร์ร้านค้าซึ่งเป็นคนในอีโคซิสเต็มแล้ว แกร็บยังได้ส่งเสริมการสร้างโอกาสให้กับกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ผ่าน “โครงการ GrabSpark” ที่เปิดเวทีให้นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้แสดงศักยภาพผ่านการประกวดแผนธุรกิจ พร้อมโอกาสในการฝึกงานกับแกร็บ รวมถึง “โครงการ GrabScholar” กับการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษาที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้

 

M (Market Expansion) ขยายบริการให้เข้าถึงคนทุกเจเนอเรชัน โดยชในปีนี้ แกร็บเดินหน้าขยายบริการเพื่อให้ครอบคลุมคนทุกเจเนอเรชัน โดยล่าสุดได้เปิดตัว 4 หนุ่มสุดฮอตอย่าง เจมีไนน์-โฟร์ท และ สกาย-นานิ ในฐานะ “Friends of Grab” เพื่อดึงดูดกลุ่ม Gen Z และ Millennials เสริมทัพ เบลล่า-ราณี ซึ่งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ แกร็บยังได้ผลักดันการใช้ฟีเจอร์บัญชีครอบครัว (Family Account) กลุ่มอายุ 60-79 ปี  เพื่อขยายการให้บริการไปยังกลุ่ม Babyboomer และ Gen Alpha ผ่านผู้ใช้บริการหลัก (Core User) ที่ต้องการเรียกรถให้กับสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มคนอาวุโส (พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่) และกลุ่มเด็กเล็ก (ลูก-หลาน)  สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปีนี้แกร็บยังคงเดินหน้าสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะนโยบาย “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” ของรัฐบาล ผ่านการสนับสนุนและเข้าร่วมอีเวนท์สำคัญระดับประเทศและเทศกาลเชิงวัฒนธรรมต่างๆ ที่จะจัดขึ้นตลอดทั้งปี 

 

A (Affordability ) นำเสนอทางเลือกของบริการในราคาที่เข้าถึงได้  โดยแกร็บเตรียมต่อยอดความคุ้มค่าสำหรับบริการเรียกรถด้วยการขยายบริการ GrabCar SAVER และ GrabBike SAVER ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากเดิมที่ทดลองให้บริการเฉพาะหัวเมืองหลัก  สำหรับบริการฟู้ดเดลิเวอรี แกร็บยังคงชูไฮไลท์ซับแบรนด์  “Hot Deals” ดีลลดแรงจากร้านดังทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มจำนวนร้านที่เข้าร่วมโปรแกรม ควบคู่ไปกับการนำเสนอโปรโมชันตามช่วงเทศกาลหรือโอกาสพิเศษต่างๆ รวมถึงการชูแคมเปญใหญ่อย่าง “GrabFood Mega Sale” ที่มอบส่วนลดจัดหนักสูงสุดถึง 80% พร้อมส่งฟรีให้กับผู้ใช้บริการทั่วประเทศ  

 

R ( Retention)รักษาฐานลูกค้าและมัดใจคนขับ-พาร์ทเนอร์ร้านค้า  ซึ่ง GrabUnlimited ถือเป็นโปรแกรมหลักที่ช่วยมัดใจผู้ใช้บริการผ่านการมอบสิทธิประโยชน์และส่วนลดที่คุ้มค่า ครอบคลุมทุกบริการ ด้วยแพ็คเกจสมาชิกรายเดือนเพียง 19 บาทต่อเดือน หรือรายปีเพียง 99 บาทต่อปี  และในปีนี้แกร็บยังได้พัฒนา GrabVIP หรือโปรแกรมสิทธิพิเศษเหนือระดับสำหรับผู้ใช้บริการที่มียอดใช้จ่ายสูงกว่า 30,000 บาทในระยะเวลา 3 เดือน อาทิ รับสิทธิ์ส่งอาหารไว (Priority Delivery) 5 ครั้งต่อเดือน และความช่วยเหลือพิเศษก่อนใคร (Priority Support) จากศูนย์ช่วยเหลือแกร็บ 

 

ในส่วนของ คนขับ แกร็บจัดเต็มสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับคนขับที่ให้บริการดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ ฟรีประกันรถจักรยานยนต์ และการลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับบริการสินเชื่อเงินสด ซึ่งจับมือกับพันธมิตร ‘ธนาคารกรุงศรีฯ ’ ให้สำหรับคนขับ GrabBike และ ฟรีประกันสุขภาพสำหรับคนในครอบครัว ซึ่งจับมือกับ บมจ. ซับบ์ ประกัน ให้สำหรับคนขับ GrabCar พร้อมจัดกิจกรรมเซอร์ไพรส์แจกรถยนต์-รถจักรยานยนต์ในช่วงเทศกาลสำคัญ เป็นต้น  นอกจากนี้ กลุ่มพาร์ทเนอร์ร้านค้า  แกร็บยังเดินหน้าพัฒนาบริการสินเชื่อเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและเป็นทุนในการขยายธุรกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาประกันค้าขายหายห่วง เพื่อให้ความคุ้มครองผู้ประกอบการธุรกิจจากเหตุไม่คาดฝันด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาท  

 

T(Tech & Innovation )พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนในอีโคซิสเต็ม ซึ่งในปีนี้ แกร็บได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ตั้งแต่ต้นปี อาทิ Advance Booking for Airport Pickups บริการจองรถล่วงหน้าเพื่อให้มารับที่สนามบินโดยสามารถระบุไฟลท์และเวลาเดินทางเพื่อเป็นข้อมูลให้กับคนขับได้ ซึ่งปัจจุบันได้ทดลองให้บริการแล้วที่สนามบินภูเก็ต GrabExecutive บริการเรียกรถล่วงหน้าระดับพรีเมียมที่เจาะกลุ่มนักธุรกิจและลูกค้าไฮเอนด์และนักท่องเที่ยว Book Table บริการสำหรับจองร้านอาหาร และล่าสุดกับการพัฒนา QR Payment เพื่อเพิ่มทางเลือกการชำระเงินให้กับผู้ใช้บริการ ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาให้กับคนขับที่อาจมีเงินสดสำรองไม่เพียงพอ 

 

 สำหรับผลงานในปี 2567 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่แกร็บ ประเทศไทย ยังคงครองความเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ที่ผู้ใช้ให้ความเชื่อมั่นทั้งในบริการเรียกรถผ่านแอปและเดลิเวอรี  ทั้งยังสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกธุรกิจ  ซึ่งตลาดฟู้ด เดลิเวอรี่ปีที่แล้วมีมูลค่า 1.4 แสนล้านบาท แกร็บมีมาร์เกตแชร์ 45%“

 

ทั้งนี้ ปี 2567 ผลการดำเนินงานของ แกร็บ มียอดใช้บริการเรียกรถในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้นถึง 138% ซึ่งได้อานิสงส์การส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยของรัฐบาล และมียอดสั่งอาหารเติบโตขึ้น 2 เท่า ขณะที่การปรับโฉมฟีเจอร์ Advance Booking หรือบริการจองรถล่วงหน้า โดยมียอดใช้บริการพุ่งขึ้นถึง 60% ในช่วงเทศกาล รวมถึงบริการ Dine Out Deals หรือการขายดีลพิเศษสำหรับการรับประทานที่ร้าน ซึ่งมียอดการใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 11 เท่า ขณะเดียวกัน นำเสนอทางเลือกใหม่ของบริการในราคาที่เข้าถึงได้  ผ่านการเปิดตัวบริการ GrabCar SAVER และ GrabBike SAVER ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก สะท้อนผ่านยอดใช้บริการที่เติบโตขึ้นมากกว่า 4 เท่าและการเพิ่มตัวเลือก Delivery SAVER ในบริการสั่งอาหาร ซึ่งมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ทำให้ปีที่ผ่านมาช่วยให้ผู้ใช้บริการประหยัดเงินรวมกว่า 2 พันล้านบาท

 

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าขยายธุรกิจในกลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B) โดยเฉพาะบริการ GrabAds ที่ปรับรูปแบบจากการขายโฆษณาเป็นการนำเสนอโซลูชันการตลาดแบบสร้างสรรค์ (Creative Marketing Solutions) เพื่อช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจสามารถสร้างแบรนด์และยอดขายจากออนไลน์ไปสู่ออฟไลน์ รวมถึงบริการ Grab For Business ที่มีการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ จนมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 80%2 

 

“ผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่ระบุว่ากิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงจรธุรกิจของ Grab ในปี 2566 ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยสูงถึง 1.79 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สิ่งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นแรงผลักดันให้แกร็บยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีเป้าหมาย พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตและยกระดับคุณภาพชีวิตของไทยต่อไป” นางสาวจันต์สุดา กล่าวปิดท้าย

 

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com