วายแอลจีมองทองคำฟื้นตัวในระยะสั้น แม้มีแรงกดดันเฟดจ่อเร่งขึ้นดอกเบี้ย-ลดงบดุลในระยะข้างหน้า แต่ช่วงนี้มีปัจจัยบวกจากสถานการณ์ตึงเครียดสหรัฐ-รัสเซียกรณีข้อพิพาทยูเครน และตลาดคริปโตปรับฐาน และความวิตกเงินเฟ้อ ส่งผลเงินไหลเข้าทองคำ แนะเก็งกำไรระยะสั้น

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองในระยะสั้นและระยะกลาง ยังเป็นแนวโน้มแกว่งตัวออกข้าง โดยในระยะสั้นเป็นลักษณะของการฟื้นตัวหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งถอนนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในแง่ของการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุล  ส่งผลกดดันต่อราคาทองลดลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,782 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ราคาทองคำสามารถกลับมายืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ เนื่องจากนักลงทุนรับรู้ปัจจัยลบไปแล้วบางส่วน อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากสถานการณ์ตึงเครียดของสหรัฐและรัสเซีย รวมถึงความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ จึงส่งให้นักลงทุนบางส่วนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

“นอกจากนี้การปรับตัวลดลงของสินทรัพย์อื่นๆ เช่นสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะคริปโตเคอเรนซี่ ที่ปรับฐานในช่วงนี้ ส่งผลให้มีเงินลงทุนบางส่วนไหลเข้าตลาดทองคำ การลงทุนในช่วงนี้แนะนำให้เก็งกำไรในระยะสั้น เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ยังคงเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ  ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกดดันทองคำ”นางสาวฐิภากล่าว

สำหรับแนวต้านแรกอยู่ที่ 1,821 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากราคาทองคำปรับขึ้นไปทะลุแนวต้านดังกล่าว จะมีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,830 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยเป็นจุดที่ต้องระวังแรงขายทำกำไร จึงแนะนำให้นักลงทุนขายทำกำไรหากราคาขึ้นทดสอบแนวต้าน ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,782- 1,776 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในรูปของเงินบาท มองแนวต้านที่ 28,950 บาท และแนวรับที่ 28,200 บาท

อย่างไรก็ดีในช่วงต้นปีนี้ สัญญาณการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยปัจจัยหนุนที่ส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนมองหาทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดคริปโตมีการปรับฐาน