Economies

“อาคม”เชื่อ GDP ปี 65 โตตามเป้า 4% จากเงินลงทุนภาครัฐเป็นกลไกขับเคลื่อน
29 พ.ย 2564

รมว.คลัง เชื่อ GDP ปี 65 โตตามเป้า 4% สอดคล้องกับประมาณการณ์ IMF-สภาพัฒน์ จากเม็ดเงินลงทุนภาครัฐขับเคลื่อน

          

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ " เหลียวหลัง แลหน้า มองทิศทางเศรษฐกิจไทย ปี 65" โดยระบุว่า ในปีหน้า กระทรวงการคลัง ประเมินว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) จะเติบโตได้ราว 4% สอดคล้องกับการประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ที่คาดว่า GDP ของไทยปี 65 ที่คาดว่า จะเติบโตได้ในช่วง 3.5-4.5%
          

ทั้งนี้ เชื่อว่า การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐจะมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้า โดยจะเห็นได้ว่า จากงบประมาณรายจ่ายปี 65 ซึ่งเป็นงบลงทุนประมาณ 6 แสนล้านบาท เมื่อรวมกับงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีก 3 แสนล้านบาท รวมเป็น 9 แสนล้านบาท ประกอบกับมีเม็ดเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ฯ อีกเกือบ 3 แสนล้านบาท ซึ่งจะรวมทั้งหมดเป็นกว่า 1.1 ล้านบาท ที่จะช่วยหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทย ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่างๆ ทั้งระบบขนส่ง คมนาคม ที่ในปีหน้าจะสามารถขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ในปีนี้ต้องหยุดชะงักไปบางช่วงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในแคมป์คนงานก่อสร้าง  
          

ขณะเดียวกัน มองว่าในปีหน้า มาตรการด้านการคลังยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องดำเนินการ เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจ ว่า รัฐบาลจะมีการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อช่วยหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจ เพียงแต่อาจต้องปรับลดลงบ้างในส่วนของมาตรการช่วยเหลือเยียวยา เนื่องจากเชื่อว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และการบริโภคในประเทศจะไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากเช่นในช่วงปี 63 และปี 64
          

"อัตราการบริโภคในปีนี้ ไม่ได้ติดลบมากอย่างที่คาดไว้ เพราะมีมาตรการภาครัฐช่วยพยุงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่ในปี 65 การใช้มาตรการเยียวยา หรือการกระตุ้นอาจต้องปรับลดลง" รมว.คลัง กล่าว
          

นายอาคม กล่าวด้วยว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 65 ภายใต้กรอบที่ 3.5-4.5% นั้น จะต้องเป็นการเติบโตที่กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง ไม่ใช่เติบโตแค่เพียงเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่มีเทคโนโลยีทันสมัยเท่านั้น แต่ต้องสร้างการเติบโตในกลุ่มของเศรษฐกิจชุมชนควบคู่กันด้วย ซึ่งในกลุ่มนี้ถือเป็นฐานรายได้ที่สำคัญในอนาคตของประเทศ
          

พร้อมเห็น ว่า ในส่วนของภาครัฐเอง จะต้องเข้าสู่สังคมดิจิทัลที่เข้มข้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการให้บริการของภาครัฐ การโอนเงิน การทำมาตรการช่วยเหลือต่างๆ  นอกจากนี้ ในภาคของตลาดทุนก็จะมีความเข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนปี 65-70 ที่กระแสดิจิทัลเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้น
          

"จากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โอไมครอน ทำให้ต้องติดตาม และเตรียมความพร้อม ถ้าไม่ป้องกัน ก็ยากจะเห็นเศรษฐกิจเดินคู่ขนานไปกับโควิดได้ ... เราเชื่อว่าในปี 65 หากรวมพลังกันทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยยืนได้ การเติบโตที่ 4% ไม่ไกลเกินเอื้อม" รมว.คลัง ระบุ


 

-------------------------
ติดตามข่าวสาร ความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่
Facebook : Clubhoon
Website : www.Clubhoon.com
Twitter : www.twitter.com/Clubhoon1

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com