Krungthai CIO เปิดมองมุมการลงทุนเดือนมีนาคม 2567 มองตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อ แม้หลายตลาดทำสถิตินิวไฮ รับปัจจัยหนุนจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงและเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวได้ ขณะที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ควรมีติดไว้ในพอร์ต มีโอกาสปรับขึ้นอีก จากความเสี่ยงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
Krungthai CIO ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ธนาคารกรุงไทย วิเคราะห์ตลาดและการลงทุนประจำเดือนมีนาคม 2567 แนะผู้ลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางหลายประเทศ โดยมองว่า ฝั่งยุโรปน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนสหรัฐอเมริกา ตามทิศทางเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าสหรัฐฯ ส่วนไทยมีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง หากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่เกิดขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน Krungthai CIO มีมุมมองคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้น เพราะมีโอกาสปรับขึ้นต่อ แม้ว่าตลาดหุ้นหลักหลายๆ แห่ง จะทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่สิ้นสุดลง และเฟดน่าจะทยอยลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัวได้ ทำให้กำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสขยายตัวต่อ
โดยตลาดหุ้นที่น่าสนใจ มีดังนี้
หุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ ที่ยังคง Laggard หุ้นขนาดใหญ่อยู่พอสมควร ถึงแม้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะทำจุดสูงสุดใหม่ แต่การปรับตัวขึ้นกระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้ Valuation ของหุ้นขนาดเล็กอยู่ในระดับที่ไม่แพง ประกอบกับมุมมองเรื่อง “Soft Landing” ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการที่รายได้ส่วนใหญ่ของหุ้นขนาดเล็กมาจากภายในประเทศเป็นหลัก ทำให้มองว่า รายได้มีโอกาสขยายตัวต่อ
ตลาดหุ้นยุโรป ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศอกมา ชี้ว่า เศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วขณะที่ธนาคารกลางยุโรปมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่เริ่มกลับมาสู่ระดับปกติ ราคาหุ้นยังถือว่าไม่แพง
สำหรับตลาดเกิดใหม่ หุ้นอินเดีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย เป็นตลาดที่น่าสนใจ จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ในระดับสูงในปีนี้ จากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง กระแสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลมาอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นอินเดีย และเวียดนาม ปรับขึ้นค่อนข้างดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านทำให้ Upside จำกัด แนะนำให้อาศัยจังหวะที่ตลาดปรับตัวลงในการเข้าลงทุน ส่วนตลาดอินโดนีเซีย ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี นายปราโบโว ซูเบียนโต ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นไปประธานาธิบดี คลายความกังวลตลาดจากการสานต่อนโยบายต่างๆประกอบกับราคาหุ้นที่ยังไม่แพง P/E อยู่ที่ 13.8 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการ และตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 2566 ที่โดยรวมออกมาแย่กว่าคาด อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้รับรู้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไปพอสมควร ทำให้ Downside Risk จำกัด จึงมองว่าตลาดมีโอกาสฟื้นตัว ถ้าร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ได้รับการอนุมัติและเริ่มมีการเบิกจ่ายงบประมาณได้
ตลาดหุ้นจีน แนะนำ Trading Buy มองว่า Sentiment การลงทุนดีขึ้นจากมาตรการภาครัฐที่ทยอยออกมาเอื้อต่อเศรษฐกิจและตลาดทุน กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่Healthcare Technology และ Global REITs โดยกำไรหุ้นกลุ่ม Technology มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีจากกระแส AI เช่นเดียวกับกลุ่ม Healthcare ที่กำไรมีแนวโน้มขยายตัวได้สูงจากนวัตกรรมยาใหม่ๆ ที่รักษาโรคที่รักษาได้ยากและยังไม่มีมาก่อน ส่วนกลุ่มGlobal REITs ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง
สำหรับสินทรัพย์อื่นๆ Krungthai CIO มีมุมมองเป็นบวกต่อราคาน้ำมัน มองว่า ราคาน้ำมัน WTI จะปรับตัวในกรอบ 70-90 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ และสหรัฐฯ ในช่วงกลางปีหลัง ทำให้อุปทานตึงตัวมากขึ้นขณะที่อุปสงค์ยังเพิ่มขึ้น จากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง และเศรษฐกิจจีนที่ทยอยฟื้นตัว ส่วนราคาทองคำ มองว่า เป็นสินทรัพย์ที่ควรมีติดพอร์ตไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงท่ามกลางความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดน่าจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อไปอีกได้
นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศและไทย เนื่องจากตลาดได้ปรับคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางของดอกเบี้ยให้สมเหตุสมผลมากขึ้นทำให้ Bond Yield ผันผวนน้อยลงและมีโอกาสปรับตัวลงได้ นอกจากนี้ ตราสารหนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยในการกระจายความเสี่ยงได้ดี หากสมมติฐานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้โตตามคาด และเปิดทางให้เฟดลดดอกเบี้ยได้มากกว่ามุมมองตลาด ขณะที่ตราสารหนี้ไทยจะได้รับผลบวกจากแนวโน้มเงินเฟ้อไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่กนง. จะลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง