แบงก์ชาติ มองเฟดขึ้นดอกเบี้ย เพื่อมุ่งดูแลเงินเฟ้อเป็นสำคัญ ชี้ตลาดการเงินโลกและไทยผันผวนในระยะสั้น ธปท. ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ทิศทางนโยบายของไทยยึดตามบริบทของแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อและระบบการเงิน ปีนี้เงินบาทอ่อนค่าลง 11% ถือว่าอ่อนค่าเกาะกลุ่มภูมิภาค ต่างชาติยังซื้อสุทธิ 1.1 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ไหลเข้าหุ้นไทย-ขายบอนด์
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การตัดสินนโยบายดอกเบี้ยปรับขึ้นอีก 0.75% สู่ระดับ 3.75%-4% ล่าสุด (1-2 พ.ย.) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการสื่อสารเกี่ยวกับแนวนโยบายการเงินในอนาคตเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ โดยขณะนี้ เฟดมุ่งมั่นที่จะดูแลเงินเฟ้ออย่างเต็มที่ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เองในระยะยาว ทั้งนี้ หลังการประชุมอาจเห็นความผันผวนระยะสั้นในตลาดการเงินโลกและไทยบ้าง ซึ่ง ธปท. ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด
ในส่วนของการดำเนินนโยบายของไทยในระยะต่อไป ก็ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับบริบทของไทยเช่นกัน ทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน โดยการดำเนินนโยบายจะมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และให้ทันกาล ตามที่ กนง. ได้สื่อสารมาต่อเนื่อง
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท การตัดสินนโยบายดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้เงินดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นเทียบกับทุกสกุล โดยในช่วงเช้า ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์ สรอ. ปรับอ่อนค่าลง 0.8% และดัชนีค่าเงินบาท (เทียบสกุลภูมิภาค) ปรับอ่อนลง 0.34% ด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย ยังไม่พบสัญญาณผิดปกติ
นับตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 เงินบาทเทียบดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลง 11% โดยถือว่าอ่อนในระดับกลาง ๆ เทียบกับสกุลเงินในภูมิภาค ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาทอ่อนลงเพียง 0.7% สำหรับนักลงทุนต่างชาติยังมีฐานะเป็นซื้อสุทธิในสินทรัพย์ไทยประมาณ 1.1 แสนล้านบาท (ซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์กว่า 1.6 แสนล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตรที่ 0.5 แสนล้านบาท) ทั้งนี้ ธปท. ได้ติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด โดยภาคเอกชนควรบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงินในสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง