ธอส. พร้อมเคียงข้างคนไทยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2566 ได้ตามเป้าหมาย ยืนยัน NPL ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพิ่มโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากขึ้น โดย ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2566 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งในปี 2566 ตั้งไว้ที่ 235,480 ล้านบาท ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม ยืนยันในปี 2567 พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ช่วยสนับสนุนคนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองต่อไป
นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2566 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายในปี 2566 ซึ่งตั้งไว้ที่ 235,480 ล้านบาทแล้ว แม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ยังคงสามารถสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง มีคุณภาพชีวิต และความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย โดยธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งจะทำให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันในปี 2566 ยังสามารถจำหน่ายบ้านมือสอง ธอส.ได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ธนาคารสามารถบริหารจัดการให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ปัจจุบันอยู่ที่ 4.06% ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีแนวโน้มลดลง ส่วนลูกค้าในกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ที่มีปัญหาในการผ่อนชำระเงินงวด ธนาคารให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาธนาคารได้มีมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้รองรับในการดูแลลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และในปี 2567 ธอส. พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลังอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยสนับสนุนให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองต่อไป
“ที่ผ่านมา ธอส. มีการบริหารจัดการที่ดี มีการประเมินความเสี่ยงทุกครั้งก่อนออกผลิตภัณฑ์ ให้ความสำคัญกับคุณภาพของการปล่อยสินเชื่อ โดยพิจารณาจากความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดของลูกค้าทุกราย ทำให้ ธอส. สามารถบริหารจัดการหนี้เสียได้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ธอส. ยังได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อให้ลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบจากการชำระเงินงวด และยังคงรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป”นายกฤษณ์ กล่าว