บลจ.ทิสโก้เสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ควอลิตี้ อิควิตี้ อันเฮดจ์ (TGQUALITY-UH) เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพทั่วโลก โดยไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ทั้งจากการลงทุนและอัตราแลกเปลี่ยน ชี้เหมาะเป็นกองทุนหลักของพอร์ตลงทุน  เปิด IPO  ตั้งแต่วันที่ 19 – 27 สิงหาคม 2567 

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด  เปิดเผยว่า บลจ.ทิสโก้ยังคงเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่สามารถรับความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้ และต้องการลงทุนระยะยาวในหุ้นคุณภาพระดับโลก  จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ควอลิตี้ อิควิตี้ อันเฮดจ์ (TGQUALITY-UH)  ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) ซึ่งกองทุนนี้เป็นกองทุนไม่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 19 – 27 สิงหาคม 2567 

ทั้งนี้ กองทุน TGQUALITY-UH เน้นลงทุนใน iShares Edge MSCI World Quality Factor UCITS ETF ชนิดหน่วยลงทุน USD (Acc) (กองทุนหลัก) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI World Sector Neutral Quality ซึ่งสะท้อนผลการดำเนินงานของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดกลางและขนาดใหญ่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีปัจจัยทางด้านคุณภาพอยู่ในระดับสูง  

“ในปีนี้ บลจ.ทิสโก้ได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ควอลิตี้ อิควิตี้  (TGQUALITY) ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป (TGQUALITY-A) ชนิดหน่วยลงทุนเพื่อการออม (TGQUALITY-SSF) และชนิดเพื่อการเลี้ยงชีพ (TGQUALITYRMF - A) พบว่ากองทุนแต่ละชนิดหน่วยลงทุนได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เพราะเหมาะสำหรับเป็นกองทุนหลักในพอร์ตการลงทุนเนื่องจากกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงระดับโลก และจากการสำรวจความต้องการของลูกค้าพบว่ามีลูกค้าที่ต้องการลงทุนระยะยาวบางกลุ่มสามารถรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้และมองเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย TGQUALITY-UH ” นายสาห์รัชกล่าว  

ทั้งนี้ เกณฑ์การคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตการลงทุนของกองทุนหลัก ผู้จัดการกองทุนจะใช้เกณฑ์การคัดเลือกหุ้นผ่าน 3 ปัจจัยคือ  อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ในระดับสูง อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) ต่ำ และกำไรมีเสถียรภาพ โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 พบว่าหุ้น 10 อันดับที่กองทุนหลักเข้าลงทุนล้วนแต่เป็นหุ้นชั้นนำที่รู้จัก เช่น Microsoft , Apple Inc., NVIDIA, Visa และ Meta เป็นต้น