นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ 1) มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 10 (โครงการ PGS ระยะที่ 10) ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และ 2) การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) (โครงการสินเชื่อผู้มีอาชีพอิสระ) ของธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) โครงการ PGS ระยะที่ 10 วงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท โดย บสย. ค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) วงเงินค้ำประกันต่อราย ไม่เกิน 40 ล้านบาท ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี โดย บสย. สามารถกำหนดเงื่อนไขและวงเงินค้ำประกันของโครงการย่อยภายใต้โครงการ PGS ระยะที่ 10 ได้ตามความเหมาะสม อัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อเฉลี่ยทั้งโครงการไม่เกินร้อยละ 1.75 ต่อปี และ บสย. จะจ่ายค่าประกันชดเชยตลอดโครงการเฉลี่ยทั้งโครงการไม่เกินร้อยละ 30 รับคำขอค้ำประกันสินเชื่อถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 76,000 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินที่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท
2) ขยายเวลาชำระเงินกู้โครงการสินเชื่อผู้มีอาชีพอิสระเพิ่มอีก 2 ปี จากเดิมไม่เกิน 3 ปีเป็นไม่เกิน 5 ปี เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินและมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ตามกำหนด ส่งผลต่อประวัติการชำระหนี้ในระบบเครดิตบูโร ทำให้ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ประกอบการและประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั่วถึง และเพียงพอ โดยติดตามผลการดำเนินมาตรการอยู่เป็นระยะ รวมถึงพิจารณาข้อจำกัดและปัญหาอุปสรรคของการดำเนินมาตรการ รวมทั้งปรับปรุงและออกมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อดูแลประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงทีต่อไป