บลจ.กสิกรไทย เผย ‘เงินเฟ้อสหรัฐฯ’ เป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดและความผันผวนในระยะนี้ ในขณะที่ตลาดยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ตลาดหุ้นโลกปรับฐานลง การเติบโตของกำไรและเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคแม้จะชะลอลงแต่ยังเป็นการขยายตัว จึงมองเป็นโอกาสในการทยอยเข้าลงทุนผ่าน 3 กองทุนเด่น K-VIETNAM K-GINCOME-A(R) และ K-SF พร้อมมอบสิทธิพิเศษ "ส่วนลด-หน่วยลงทุน" ตลอดเดือนมิ.ย.นี้
นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนในช่วงนี้ยังคงมีความผันผวนอยู่ เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดในระยะนี้ และเป็นประเด็นหลักที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ให้น้ำหนักต่อการพิจารณาเข้าลงทุน อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย มองจังหวะนี้เป็นช่วงเวลาที่สามารถทยอยเข้าลงทุนได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ได้ปรับฐานลงมาที่ระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในระยะยาว ประกอบกับเงินเฟ้อโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง และคาดว่าน่าจะผ่านระดับสูงสุดไปแล้ว นอกจากนี้ การเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนในหลายภูมิภาคยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงแนะนำ 3 กองทุนเด่น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้เลือกลงทุนตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพอร์ตการลงทุน
สำหรับผู้ที่ต้องการให้พอร์ตเติบโตไปกับประเทศที่มีศักยภาพสูงและรับความเสี่ยงได้สูง แนะนำให้ลงทุนใน "กองทุนเปิดเค เวียดนาม หุ้นทุน" (K-VIETNAM) ซึ่งเวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เสือเศรษฐกิจตัวใหม่ของเอเชีย” ด้วยปัจจัยสนับสนุนใน 4 มิติ ได้แก่ 1.เศรษฐกิจเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับกลุ่ม ASEAN Emerging Markets 2. การได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายด้าน มีการทุ่มงบประมาณกว่า 5% ของ GDP เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP สูงที่สุดในอาเซียน มุ่งยกระดับความสามารถการแข่งขันในภูมิภาค 3.จำนวนประชากรวัยแรงงานมีสัดส่วนสูงที่สุดในอาเซียนเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว และ 4.การลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างชาติ (FDI) ที่ยังคงไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุน K-VIETNAM มีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนตรงในหุ้นเวียดนาม และบางส่วนลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้นเวียดนาม ซึ่งรวมถึง ETF ด้วย ในช่วงที่ผ่านมากองทุน K-VIETNAM มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น สามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดได้ในทุกช่วงเวลา ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะยาวเพื่อวางแผนเกษียณ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ก็สามารถลงทุนในกองทุนเปิดเค เวียดนาม หุ้นทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ (K-VIETNAM-RMF) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนเดียวกันกับกองทุน K-VIETNAM ได้เช่นกัน
ผู้ที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับรายได้อย่างสม่ำเสมอและรับความเสี่ยงได้ปานกลาง แนะนำให้ลงทุนใน "กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม-A ชนิดรับซื้อคืนอัตโนมัติ" (K-GINCOME-A(R)) ที่มีนโยบายการลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Investment Funds – Global Income Fund, Class I (mth) - USD (hedged) โดยกระจายลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ เน้นกลุ่มที่มีการจ่ายรายได้สม่ำเสมอ เช่น หุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูง หรือ ตราสารหนี้ทั้งที่อยู่ในระดับน่าลงทุน (Investment Grade) และที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่ลงทุนได้ (Non-Investment Grade) เป็นต้น โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนสินทรัพย์แต่ละประเภทให้ทันและเหมาะสมกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา กองทุนนี้จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาปรับพอร์ตด้วยตัวเอง และต้องการรับรายได้สม่ำเสมอในทุกสภาวะตลาด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเกิดความผันผวนจากวิกฤติต่างๆ อาทิ COVID-19, Trade War และ Brexit กองทุนก็ยังสามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้ทุกเดือนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ข้อมูล ณ 29 เม.ย. 65)
ผู้ที่ต้องการลดความผันผวนให้กับพอร์ต มองหาโอกาสรับตอบแทนสูงกว่าเงินฝากและรับความเสี่ยงได้น้อย แนะนำให้ลงทุนใน "กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น" (K-SF) ที่มีนโยบายลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ โดยเน้นตราสารหนี้ไทยระยะสั้นที่มีเครดิตดี
นายสุรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงตลอดเดือนมิถุนายนนี้ บลจ.กสิกรไทย ได้มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าผู้ลงทุนในทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว โดยผู้ที่ลงทุนในกองทุน K-VIETNAM และ K-GINCOME-A(R) จะได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียมการซื้อทุกช่องทาง จาก 1.50% เป็น 1.00% ส่วนผู้ที่ลงทุนในกองทุน K-SF ผ่าน App K PLUS, K-My Funds และธนาคารกสิกรไทย ทุกยอด 500,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุนกองทุน K-CASH มูลค่า 500 บาท สูงสุด 10,000 บาท/ท่าน