วายแอลจีชี้ เปิดสถิติทองคำ จากปี 2559 หากถือยาว Buy and Hold ได้ผลตอบแทนสูงถึง 124% มองเทรนด์ทองคำยังเติบโตได้อีกอย่างน้อย 2 ปี หลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีก 2% ภายใน 2 ปี ส่งผลดอลลาร์สหรัฐให้ผลตอบแทนน้อยลง นักลงทุนหันซบทองแนะนักลงทุนที่ยังไม่มีทองคำยังมีโอกาสเข้าซื้อ แม้ปัจจุบันราคาจะสูงเกือบถึงราคาเป้าหมาย แต่คาดก่อนทำนิวไฮ ราคาย่อหนึ่งรอบแถวๆ 2,600 - 2,620 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และย่ออีกครั้งหลังทำนิวไฮ 2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ อาจได้เห็นการย่อรอบใหญ่มาที่ 2,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนบาทไทยรอซื้อรอบใหญ่ได้ถ้าเห็น 39,000 บาทต่อบาททองคำ
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าบริการออมทองได้รับความสนใจอย่างมากในปีนี้ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดทองคำที่คึกคักราคาทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องตลาดทั้งปี ทั้งนี้การออมทองเริ่มได้รับความสนใจในวงกว้างเมื่อปี 2559 ที่เริ่มแพร่หลายพร้อม ๆ กับการพัฒนาของโลกดิจิทัล ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนทองคำได้ในหน่วยย่อย ที่เริ่มตั้งแต่การใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ซึ่งมีรูปแบบการลงทุนทั้งแบบลงทุนด้วยตัวเองและแบบตัดระบบอัตโนมัติรายเดือนซึ่งจะเป็นการถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) จึงเป็นทางเลือกให้คนหันมาออมเงินผ่านทองคำแทนการฝากเงิน ที่ทำได้ทั้งซื้อราคาทองไทย และทองคำโลก และยังสามารถถอนออกมาเป็นทองคำหรือขายเป็นเงินสดได้ จึงเป็นการลงทุนที่สะดวก รวดเร็ว
สำหรับการลงทุนแบบการออมทองนั้น หากนักลงทุนที่เริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2559 ที่ราคาทองคำในตลาดโลกอยู่ที่ต่ำกว่า 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หากทำการออมทองทุกเดือนจนถึงปัจจุบันจะได้รับผลตอบแทนรวม 63% หรือหากถือยาว Buy and Hold ก็จะได้ผลตอบแทนสูงถึง124% โดยคำนวนจากราคาปัจจุบันที่ทองคำอยู่ที่ประมาณ 2,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ผลตอบแทนดังกล่าวถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากการฝากเงิน
โดยปัจจัยสนับสนุนหลักที่ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องมาจากนโยบายการเงินของสหรัฐ โดยเฉพาะการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ที่ล่าสุดเดือน ก.ย. ปรับลดไปแล้ว 0.50% และมีแนวโน้มว่าอีกภายใน 2 ปี อาจจะลดอีก 2% การลดดอกเบี้ยจึงเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาถือครองทองคำโดยการละทิ้งดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การออมทองไม่ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยที่ปรับลดลง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าปัจจุบันราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นไปสูงมากเข้าใกล้ราคาเป้าหมายที่ วายแอลจีให้ไว้ที่ 2,700 – 2,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แต่นักลงทุนที่อยากเข้าไปลงทุนเพื่อทำกำไรยังมีโอกาสเข้าไปได้ เนื่องจากปกติทองคำอาจจะย่อแรงก่อนที่จะเข้าถึงเป้าหมายอย่างน้อยหนึ่งครั้ง รวมถึงทองคำจะปรับขึ้นแบบสลับย่อตัว จึงมีจุดที่น่าทยอยเข้าหากทองคำปรับลดลงมาที่ 2,600, 2,610 และ 2,620 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และถ้าทองคำขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือมากกว่านั้น แถวๆ 2,750 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หลังจากนั้น มีโอกาสที่อาจได้เห็นปรับฐานในรอบใหญ่ลมางถึง 2,350 -2,380 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนทองในประเทศอาจจะหลุด 40,000 บาทต่อบาททองคำ ไปที่ระดับ 38,000 - 39,000 บาทอต่อบาททองคำ จุดนั้นเป็นจุดที่เหมาะกับการเข้าซื้ออีกครั้ง
สำหรับลงทุนสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar-Cost-Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการออม และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย