นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารทิสโก้ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ เข้าใจความต้องการของลูกค้าของกลุ่มที่รับความเสี่ยงได้น้อยรวมถึงกลุ่มลูกค้าใกล้จะเกษียณ และลูกค้าที่เกษียณอายุ ว่ายังคงมีความต้องการลงทุนในกองทุนที่มีโอกาสสร้างกำไรในระดับที่น่าสนใจ ในขณะเดียวกันก็มีความสามารถในการรับความเสี่ยงได้ต่ำ เพราะจะต้องนำเงินที่เก็บออมมาตลอดการทำงานมาใช้ในการดำรงชีวิตหลังจากนี้ หากเงินต้นดังกล่าวลดลงอาจทำให้เงินสำหรับใช้หลังเกษียณหมดเร็วกว่าแผนที่วางไว้
จากความต้องการดังกล่าว ธนาคารทิสโก้จึงแนะนำให้ลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ต่ำลงทุนในกองทุนหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Structured Notes) แบบ Double Shark-Fin ซึ่งเป็นกองทุนลูกผสมที่เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ ผนวกกับตราสารอนุพันธ์ ทำให้กองทุนดังกล่าวมีคุณสมบัติที่พิเศษทั้งในแง่ของการปิดความเสี่ยงของเงินต้น พร้อมกับรับผลตอบแทนได้ทั้งตลาดหุ้นขาขึ้นและขาลง โดยเป้าหมายการลงทุนของกองทุนดังกล่าวจะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนแรก คือ การลดความเสี่ยงการขาดทุนเงินต้น ทำได้โดยการนำเงินลงทุนส่วนใหญ่ เช่น 98-99% ของเงินลงทุนทั้งหมดไปลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาลหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment grade ขึ้นไป ดังนั้นเมื่อครบกำหนด กองทุนจะได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยและเงินต้นคืน ส่งผลให้เงินลงทุนในส่วนนี้เติบโตขึ้นเป็น 100% นั่นเท่ากับว่า สามารถปิดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินลงทุนได้
ส่วนต่อมา คือ การสร้างผลตอบแทนที่สูง ด้วยการนำเงินลงทุนส่วนน้อย เช่น 1-2% ของเงินลงทุนทั้งหมด ไปลงทุนในตราสารอนุพันธ์ เช่น Option หรือ Warrant โดยสามารถเลือกสินทรัพย์อ้างอิงได้หลากหลายประเภท เช่น ดัชนีตลาดหุ้น กองทุนรวม ETF ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงมีการเคลื่อนไหวไปตามเงื่อนไขที่กองทุนกำหนดไว้ นักลงทุนก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากหรือตราสารหนี้ได้ ในทางกลับกัน หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงไม่เคลื่อนไหวไปตามเงื่อนไข ทำให้นักลงทุนก็ไม่ต้องเผชิญกับภาวะการขาดทุนและยังได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
“จะเห็นได้ว่า หัวใจสำคัญที่นักลงทุนได้จากการลงทุนในกองทุน Double Shark - Fin ก็คือ “การปกป้องเงินต้น” ไม่ว่าสินทรัพย์อ้างอิงจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดและเท่าไร ในขณะเดียวกัน ยังเปิดโอกาสให้สามารถ “สร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้” ดังนั้น การลงทุนในกองทุนประเภทนี้ ทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ ใกล้อายุเกษียณหรือหลังเกษียณอายุที่ต้องปรับพอร์ตลดสินทรัพย์เสี่ยงลง อีกทั้งยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงได้ทั้งในภาวะตลาดหุ้นขาขึ้นและขาลงได้” นายณัฐกฤติกล่าว
สำหรับตัวอย่างการสร้างผลตอบแทนของกองทุน Double Shark – Fin นั้น ขอยกตัวอย่างกองทุน Dual Shark - Fin อายุ 1 ปีที่สินทรัพย์อ้างอิงเป็นดัชนี S&P500 โดยมีการกำหนดกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ระหว่าง +20% กับ -20% อัตราการมีส่วนร่วม 50% และอัตราผลตอบแทนชดเชยที่ 0.25% ผลลัพธ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นจากการลงทุนกองทุน Double Shark - Fin แบ่งได้ออกเป็น 2 กรณีหลัก ดังนี้
กรณีที่ 1 ดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ระหว่าง +20% กับ -20% ณ วันสิ้นอายุโครงการ ยกตัวอย่างเช่น หากตลาดหุ้น S&P500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% ผลตอบแทนที่ได้รับจะเท่ากับ 15% คูณกับอัตราการมีส่วนร่วม 50% นั่นก็คือ 7.5% และได้รับเงินต้นคืนในทางกลับกัน หากตลาดหุ้น S&P500 ปรับตัวลดลง -20% ผลตอบแทนที่ได้รับจะเท่ากับ 20% คูณกับอัตราการมีส่วนร่วม 50% นั่นก็คือ 10% และได้รับเงินต้นคืน นั่นเท่ากับว่า นักลงทุนสามารถทำกำไรและรักษาเงินต้นได้ ไม่ว่าตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นหรือลง
กรณีที่ 2 ดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวทะลุกรอบ +20% กับ -20% ณ วันทำการใดวันทำการหนึ่งในช่วง 1 ปีที่ลงทุน จะเกิด กรณีที่เรียกว่า การ “Knock Out” โดยผลตอบแทนที่ได้จะเท่ากับอัตราผลตอบแทนชดเชยที่ 0.25% ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและได้รับเงินต้นคืน