Economies

SCBAM  ลั่นปี 68 เดินเกมรุก พร้อมชนเป้า AUM แตะ 2 ล้านล้าน ปักธง 3 ปีแตะ 3 ล้านลบ. -ชี้หุ้นไทยฟื้นครึ่งปีหลัง ชี้จังหวะซื้อปลาย Q2 นี้
3 เม.ย 2568

บลจ. ไทยพาณิชย์ เดินเกมรุกปี 68  ปูพรมฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่  ผนึกพันธมิตรทำยอดขายโตเด้ง ตั้งเป้า AUM แตะ 2 ล้านล้าน เป็นแห่งแรกในกลุ่มอุตสาหกรรม  พร้อมปักธง สิ้นปี 70 AUM พุ่ง 3 ล้านล้าน ยอดลูกค้าโต 1 ล้านราย พร้อมชี้ตลาดหุ้นไทย สะดุด ‘ทรัมป์เก็บภาษี‘ กดดัน แต่เชื่อดัชนีฯไม่หลุด 1000 จุด แนะมีจังหวะซื้อช่วงปลาย Q2  ได้ ฟันธงตลาดไทยฟื้นตัวครึ่งปีหลัง

 

ประกาศแผนเติบโตธุรกิจตามวิสัยทัศน์ มุ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรายแรกของประเทศไทย ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) 2 ล้านล้านบาท พร้อมยืนยันเจตนารมณ์การเป็น "The Best Fund House" ครองความเชื่อมั่นจากผู้ลงทุนทุกกลุ่ม เร่งเดินหน้าขยายฐานผู้ลงทุนให้ได้ 1 ล้านคนในอีก 3 ปีข้างหน้า ด้วยนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์การลงทุนของ SCBAM ที่นำเสนอทางเลือกและกลยุทธ์การลงทุนสอดคล้องกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา ตอบโจทย์ได้ตามความต้องการของผู้ลงทุน พร้อมเน้นย้ำความสำคัญด้านการบริหารจัดการที่โปร่งใส มุ่งเดินหน้าสู่การเป็น Digital Business ต่อเนื่อง เสริมสร้างนวัตกรรมทางการเงินด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI มาใช้ในการบริหารจัดการกองทุน เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ลงทุนในระยะยาว

 

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ บลจ. ไทยพาณิชย์ ( SCBAM )เปิดเผยถึงทิศทางการเติบโตของบริษัทในระยะข้างหน้า 1-3 ปี  ว่า ปี 2568 นี้ SCBAM ตั้งเป้าหมายการเติบโตด้านมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) แตะ 2 ล้านล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง จากปีที่แล้ว AUM อยู่ที่ 1.94 ล้านล้านบาท ด้วย 3 แนวทางขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน โดยในระยะ 3 ปีข้างหน้า (สิ้นปี 2570) มีเป้าหมายเพิ่ม AUM  เป็น 3 ล้านล้านบาท และขยายฐานลูกค้าได้ 1 ล้านราย จากปัจจุบันมีจำนวน 7 แสนราย ทั้งนี้ ช่วงปีที่ผ่านมา SCBAM ครองแชมป์เป็น บลจ. อันดับ 1 ที่มี AUM สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรม และปีนี้ SCBAM น่าจะเป็นบลจ. แห่งแรกที่ AUM เติบโตถึง 2 ล้านล้านบาท ในกลุ่มอุตสาหกรรมบลจ.  และ คาดว่าจะสนับสนุนผลดำเนินงานในปีนี้ของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องด้านรายได้และกำไร โดยปีนี้คาดรายได้เพิ่มขึ้นราว 15% จากปี 2567 ที่มีรายได้ 6 พันล้านบาท และตั้งเป้าหมายปี 2570 รายได้แตะ 10,000 ล้านบาท การเติบโตของบริษัท หลักๆมาจากธุรกิจกองทุนรวม ที่ช่วงที่ผ่านมา บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ที่เป็นกลุ่มวัยทำงานคนรุ่นใหม่ และมาจากการร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆโดยเฉพาะช่องทางขายผ่าน Agent ที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ สามารถสร้างลูกค้าใหม่ๆเติบโตสูงมาก

 

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจ 3 แนวทางขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน แนวทางแรก คือ การเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร ผสานกับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย และโซลูชันการลงทุนที่ตรงใจผู้ลงทุน ตอบรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสภาวะตลาดทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในส่วนที่สอง คือ การเติบโตอย่างยั่งยืนด้านการลงทุนที่ SCBAM จะมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมการลงทุนที่ตอบโจทย์ทุกระดับความต้องการ พร้อมกลยุทธ์การลงทุนเพื่อโอกาสสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพ เน้นคัดเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลบวกต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และโปร่งใส ด้วยการใช้เทคโนโลยีมาเสริมประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน และส่วนสุดท้าย คือ การเติบโตอย่างยั่งยืนด้านการให้บริการที่ SCBAM ขับเคลื่อนภายใต้การจัดการที่เป็นเลิศและรองรับการเติบโตอย่างปลอดภัย โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาการบริการและแพลตฟอร์มการลงทุนที่ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงได้ง่าย 

 

นางสาวพิณแก้ว ทรายแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด เปิดเผยว่า ด้วยเป้าหมายการเติบโต AUM ปีนี้สู่ 2 ล้านล้านบาท แรงขับเคลื่อนหลักยังมาจากกลุ่มธุรกิจกองทุนรวม ควบคู่กับการสร้างการเติบโตที่สมดุลไปกับธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พร้อมกันนี้ SCBAM มี Roadmap สร้างการเติบโตผ่านความร่วมมืออย่างเข้มข้นกับพันธมิตร ที่จะเน้นการวางแผนทำงานร่วมกันอย่างยืดหยุ่นและรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่แตกต่าง รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนที่สอดรับกับพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มผู้ลงทุนของพันธมิตร ซึ่ง SCBAM เชื่อว่า การเติบโตไปด้วยกัน คือแนวทางการเติบโตที่ยั่งยืน โดย SCBAM พร้อมเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงที่ส่งมอบโซลูชันการลงทุนที่ตอบโจทย์นี้ให้ผู้ลงทุนอย่างแท้จริง นอกจากนั้น ด้วยความร่วมมือนี้ SCBAM จะสามารถสร้างฐานผู้ลงทุนที่แข็งแกร่งได้ครอบคลุม 1 ล้านรายตามเป้าหมาย ด้วยกลุ่มผู้ลงทุนรุ่นใหม่ที่เริ่มสนใจเรื่องการลงทุนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ใช้งานง่าย อย่างแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click ที่มีความพิเศษจากกองทุน e-class ฟรีค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ SCBAM เตรียมพร้อมนำเสนอทางเลือกการลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ครอบคลุมหลากหลายสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง เช่น กองทุน Principal-Protected Fund ที่ผู้ลงทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนตามสินทรัพย์อ้างอิง พร้อมช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนเงินต้น เหมาะกับสภาวะที่ตลาดผันผวน ทางเลือกการลงทุนในกองทุนรวมด้วยสกุลเงินต่างประเทศ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐด้วย หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Private Assets, Hedge Fund, Digital Assets เพื่อตอบโจทย์การลงทุนยุคใหม่ ควบคู่กับสื่อสารข้อมูลการลงทุนอย่างรวดเร็วและทันต่อสภาวะตลาด เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ 

 

นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน กล่าวถึงทิศทางการลงทุนในระยะข้างหน้า ว่า สำหรับตลาดหุ้นไทย หลังจากที่ไทยถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs)  36% สูงกว่าที่คาดกันไว้  ทาง SCBAM  จึงเตรียมจะปรับเป้า SET Index ปี 68 และกำไรสุทธิต่อหุ้น ( EPS ) ลดลงจากเดิมที่ประเมินไว้ 1,360 จุด และ EPS โต 7%  ซึ่งจะปรับลงมาต่ำกว่า Consensus ประมาณ 10%  อย่างไรก็ตาม มองว่าดัชนีฯ คงไม่หลุดระดับ 1,000 จุด  สำหรับการปรับพอร์ตของ SCBAM ทำอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยง เพราะอัตราภาษีจะเก็บตามอัตราที่ตลาดคาดหรือไม่เป็นไปตามนั้น ก็เป็นความเสี่ยงอยู่แล้ว 

 

“เรามองว่า ครึ่งปีหลัง หุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ , แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ที่คาดจะลด 2 ครั้งในปีนี้ ,การเปิดกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) รองรับเม็ดเงินกองทุน LTF ที่ครบอายุ แม้จะไม่ได้หนุนดัชนีให้ขึ้นไปมากนัก แต่จะช่วยลดแรงขายลง และยังมีโครงการ Jump+ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย รวมถึงมาตราการอื่นๆ ที่มาเสริมความเชื่อมั่น  ดังนั้น ปลายไตรมาส 2 น่้เป็นจังหวะน่าลงทุน แต่ อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเรียกเก็บภาษีของสหรัฐด้วยซึ่งคาดว่ารัฐบาลคงเตรียมความพร้อมที่จะแก้ปัญหาและจะทำการเจรจาอย่างเร็วที่สุด เพราะหากทิ้งไว้นานจะยิ่งส่งผลลบต่อเศรษฐกิจ  นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังการเกิด Second Round Effect เนื่องจากไทยมีการส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 30% ของ GDP ซึ่งประเทศคู่ค้าในภูมิภาคก็ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะกระทบการส่งออกของไทยในปีนี้เพิ่มขึ้น รวมทั้งอาจกระทบกับภาคแรงงานการจ้างงาน และการอุปโภคบริโภคในประเทศด้วย  สำหรับกลยุทธ์ลงทุน หุ้นไทยที่น่าสนใจ ส่วนของ  Core Port เน้นกลุ่ม Defensive ได้แก่ เฮลทธ์แคร์ โรงพยาบาล กลุ่มการเงินเน้นธนาคารพาณิชย์ใหญ่ รวมถึงกลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ และหุ้นปันผลดีและกลุ่มที่มีความผันผวนต่ำ“

 

ทั้งนี้ แนวทางขับเคลื่อนด้านการลงทุนว่า SCBAM ยังมุ่งมั่นหลักการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับ 3 แนวทางหลัก คือ (1) การสร้างผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนอย่างยั่งยืน ด้วยการคัดสรรโอกาสการลงทุนที่หลากหลายจากทั่วโลก  พร้อมรับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดทุนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่หลากหลาย และมีกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายของตนเองได้ (2) ขยายฐานการเติบโตของกองทุนคุณภาพ   ซึ่งนอกเหนือจากการนำเสนอกองทุนรวมกับผู้ลงทุนทั่วไปแล้ว SCBAM ยังได้ร่วมมือกับกลุ่ม SCBX ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนรูปแบบใหม่ ให้กับผู้ลงทุนกลุ่ม Wealth ผ่านความร่วมมือของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กับ BlackRock บลจ. อันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย นอกจากนี้  ในด้านกองทุนคุณภาพ SCBAM มีจำนวนกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับ Rating 5 ดาว และ 4 ดาว จาก Morningstar จำนวน 90 กองทุน (ข้อมูล Morningstar ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567) ซึ่งมากที่สุดในอุตสาหกรรม และ (3) การลงทุนที่ยั่งยืน SCBAM ผลักดันแนวทางการลงทุนอย่างยั่งยืนมาต่อเนื่องกว่า 10 ปี ตั้งแต่การเข้าร่วมกับแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) อีกทั้ง ในปีที่ผ่านมา SCBAM ได้เข้าร่วมลงนามเป็นสมาชิก United Nations Principles for Responsible Investment: UN PRI โดย SCBAM จะผสานกลยุทธ์การลงทุนด้วยแนวคิด Sustainability ที่เป็นระบบมากขึ้น โดยร่วมมือผลักดันภาคธุรกิจให้พัฒนาไปในทิศทางที่ยั่งยืนร่วมกันด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมเชิงรุก (Engagement) เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับการลงทุนในระยะยาวอย่างแท้จริง

 

นางปิ่นสุดา ภู่วิภาดาวรรธน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ เปิดเผยว่า SCBAM มีกลยุทธ์เชิงรุกในการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เพื่อรองรับนวัตกรรมด้านการลงทุน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การให้บริการที่สะดวกรวดเร็วแก่ผู้ลงทุนและตัวแทนขายหน่วยลงทุน  รวมถึงให้ความสำคัญกับการมีระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับสากล โดยครอบคลุมถึงการปกป้องข้อมูลทางธุรกิจขององค์กรและการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้มีความปลอดภัย  นอกจากนี้ SCBAM มีแผนการนำ Omnichannel มาใช้เชื่อมโยงช่องทางและบริการต่าง ๆ เข้าด้วยกัน อีกทั้งยังได้นำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ (RPA) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความรวดเร็ว ความแม่นยำ และยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการ พร้อมก้าวเข้าสู่การเป็น “The Best Fund House” 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com