บลน. ฟินโนมีนา กางแผนธุรกิจปี 67 จ่อจับมือสถาบันการเงิน เปิดบริการลงทุนตราสารหนี้ -บัญชีเงินฝาก จับตามี.ค. นี้ รีแบรนด์ดิ้งอายุ 10 ปี ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ AUA 4.5 หมื่นล้านบาท คาดดันลูกค้าแอ็คทีฟ เพิ่มเป็นจำนวน 1 แสน-1.2 แสนราย แนะให้กระจายหุ้นต่างประเทศมากกว่าหุ้นไทย พร้อมชี้หุ้นไทยให้น้ำหนักลงทุนหุ้นกลางและหุ้นเล็ก
นายเจษฎา สุขทิศ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน. ฟินโนมีนา ) เปิดเผยถึงแผนดำเนินธุรกิจในปี 2567 ว่า ฟินโนมีนาเตรียมจะร่วมมือกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งในการทำโปรเจคเปิดเสนอขายหุ้นกู้เอกชนไทยในตลาดแรก ซึ่งจะเปิดตัวในเร็วๆนี้ และในอนาคต บริษัทมีแผนจะทำโปรเจคเกี่ยวกับหุ้นกู้ในตลาดรองด้วย โดยฟินโนมีนามีได้จัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เดฟินิท จำกัด ในการให้ความรู้และวิเคราะห์การลงทุนในเชิงลึกโดยเฉพาะหุ้นกู้ที่มีการวิเคราะห์แบบรายวัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนตราสารดังกล่าว และในวันที่ 6 มี.ค. 2567 ฟินโนมีนา จะจัดงาน Rebranding ครั้งใหญ่ นอกจากนี้ ภายในกลางปีนี้ บริษัทจะเพิ่มการให้บริการใหม่ๆ เช่น บัญชีเงินฝากผ่านลิ้งฟินโนมีนา โดยรวมมือกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้ง บลน.ฟินโนมีนา ในปี 2558 ได้ดำเนินธุรกิจถึงปัจจุบันเกือบ 10 ปีแล้ว สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUA) รวมทั้งสิ้น 39,000 ล้านบาท ภายใต้การเสนอแผนการลงทุน 40 แผน โดยปีที่แล้ว มีเงินลงทุนไหลเข้าจากกลุ่มลูกค้าPrivate Banking ของสถาบันการเงิน สำหรับปี 2567 คาด AUA เพิ่มขึ้นแตะระดับ45,000 ล้านบาท
สำหรับฐานลูกค้าของฟินโนมีนา ปัจจุบัน มีฐานลูกค้ารวม 190,000 ราย โดยเป็นบัญชีที่ Active ราว 90,000 ราย และ ปีนี้ตั้งเป้าหมายบัญชีที่ Active เพิ่มเป็น 100,000 -120,000 ราย อย่างไรก็ตาม ฟินโนมีนา ยังคงมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนลูกค้ารวมทั้งหมด 1 ล้านรายในอนาคต
นายชยนนท์ รักกาญจนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนฟินโนมีนา จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุน ว่า ในปีนี้ บริษัทไม่ได้ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดทุนไทยมากเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ
"สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนหุ้นไทย เราแนะลงทุนในกองทุนหุ้นไทยขนาดกลางและเล็กเป็นหลัก เพราะหุ้นกลุ่มดังกล่าวไม่เสี่ยงกับฟันด์โฟลว์ไหลเข้า-ออก และผลดำเนินงานยังสามารถทำกำไรได้ดี ตลาดหุ้นไทยเริ่มมี Sentiment ที่ดีขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเห็นสัญญาณหุ้นไทยขนาดกลางเล็กกลับตัวเป็นขาขึ้น จึงแนะนำลงทุนภายใต้กรอบ Tactical Call ในกองทุนเปิด แอสเซทพลัส สมอล แอนด์ มิดแคป อิควิตี้ ชนิดสะสมมูลค่า (ASP-SME-A) เพื่อสร้างผลตอบแทน โดย กองทุนบริหารแบบ Active เน้นลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลางและขนาดเล็ก มีค่า Correlation เทียบกับดัชนี sSET ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 0.865%" นายชยนนท์ กล่าว