Economies

อีสท์สปริงฯ ชี้ `สงครามภาษี` สหรัฐฯ เขย่าเศรษฐกิจโลก เสี่ยงถดถอยสูง
4 เม.ย 2568

อีสท์สปริงฯ ชี้ "สงครามภาษี" สหรัฐฯ เขย่าเศรษฐกิจโลก เสี่ยงถดถอยสูง

 

อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ เผยแพร่บทวิเคราะห์ล่าสุด "Market Update" ประเมินผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยระบุว่า นโยบายดังกล่าวถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ

 

รายงานระบุว่า อัตราภาษีศุลกากรที่แท้จริงของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นจาก 2.2% ณ สิ้นปี 2024 มาอยู่ที่เกือบ 20% ภายในระยะเวลาไม่ถึง 4 เดือน และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก หากสินค้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้อัตราภาษีที่แท้จริงของสหรัฐฯ สูงถึง 25-27% เกินกว่าระดับในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (The Great Depression) ในปี 1930

 

การขึ้นภาษีดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง เนื่องจากเป็นภาระต่อการบริโภคและการลงทุน ซึ่งในอดีตมักนำไปสู่การสูญเสียทางสวัสดิการในวงกว้าง หากอัตราภาษีใหม่นี้ยังคงอยู่ คาดว่าจะฉุดรั้งการเติบโตของ GDP สหรัฐฯ ในปีนี้จากประมาณการเดิม 2.5% เหลือเพียง 0.6-0.8% เท่านั้น

นอกจากนี้ ปัจจัยลบอื่นๆ เช่น มาตรการรัดเข็มขัดทางการคลัง การจำกัดการเข้าเมือง และการตอบโต้ทางการค้าจากคู่ค้าสำคัญอย่างจีน สหภาพยุโรป และแคนาดา จะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ ทำให้ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้าเพิ่มสูงขึ้น โดยอีสท์สปริงฯ ประเมินโอกาสดังกล่าวไว้ที่ประมาณ 60%

 

เอเชียเผชิญแรงกดดันรอบด้าน

 

บทวิเคราะห์ชี้ว่า ผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภายในประเทศ แต่ยังแผ่ขยายไปยังเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย ซึ่งหลายประเทศ เช่น จีน เวียดนาม เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย เผชิญกับการปรับขึ้นอัตราภาษีในระดับที่สูง

 

อัตราภาษีที่สูงขึ้นนี้จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าส่งออกจากเอเชียไปยังสหรัฐฯ ลดลงโดยตรง นอกจากนี้ ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยุโรป และประเทศเศรษฐกิจหลักอื่นๆ ที่เป็นผลจากสงครามการค้า จะส่งผลกระทบทางอ้อม ทำให้อุปสงค์ต่อสินค้าส่งออกของเอเชียลดลงอีกระลอก

 

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อแต่ละประเทศจะไม่เท่ากัน โดยประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุดคือ เวียดนาม ไทย และมาเลเซีย เนื่องจากมีการพึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่สูง ขณะที่อินเดียและอินโดนีเซียจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า

 

นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯ ไม่ได้ใช้มาตรการภาษีตอบโต้ในระดับที่รุนแรงเท่ากันกับประเทศในละตินอเมริกาและแอฟริกา อาจเป็นแรงจูงใจให้บริษัทต่างๆ พิจารณาย้ายฐานการผลิตออกจากเอเชียไปยังภูมิภาคเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนภาษีที่สูงขึ้น

 

จับตาเงินเฟ้อ-นโยบายการเงิน

 

อีสท์สปริงฯ คาดการณ์ว่า ผลกระทบที่แท้จริงจากการขึ้นภาษีต่อตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่น ยอดค้าปลีก การจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ จะเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นในข้อมูลเดือนพฤษภาคมที่จะประกาศในเดือนมิถุนายนนี้ โดยในช่วงนี้ ตลาดมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี ISM และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

 

สำหรับแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คาดว่า แม้เฟดอาจแสดงความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ แต่จะให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของตลาดแรงงานมากกว่า โดยมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นถึงระดับ 4.5% หรือมากกว่านั้นอย่างต่อเนื่อง และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกทะลุ 350,000 ราย โดยไม่จำเป็นต้องรอให้อัตราเงินเฟ้อปรับลดลงสู่เป้าหมาย

 

แนะลงทุน Defensive รับมือผันผวน

 

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในระยะถัดไป อีสท์สปริงฯ มองว่า ความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้นจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษี อาจเปิดโอกาสสำหรับนักลงทุนเชิงรุก อย่างไรก็ตาม ในช่วงสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอน แนะนำให้กระจายการลงทุนไปยังกลุ่ม Defensive เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน เช่น กลุ่ม Healthcare และ Infrastructure รวมถึงตราสารหนี้ที่มี Credit Rating สูง และทองคำ ซึ่งอาจได้รับประโยชน์จากความผันผวนที่เกิดขึ้น

 

บทวิเคราะห์ทิ้งท้ายว่า ความสามารถในการดำเนินนโยบายภายในประเทศเพื่อชดเชยผลกระทบเชิงลบจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยยกตัวอย่างจีนและอินเดีย ซึ่งมีแนวทางในการรับมือกับความท้าทายที่แตกต่างกันไป

 

โดยสรุป การปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยในสหรัฐฯ และสร้างแรงกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในเอเชีย ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น นักลงทุนจึงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com