Economies

EXIM BANK เปิดตัวโครงการ “EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” ปั้นคนตัวเล็กเป็นผู้ส่งออก นำร่องกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
17 ก.พ. 2566

EXIM BANK เปิดตัวโครงการ “EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” ปั้นคนตัวเล็กเป็นผู้ส่งออก นำร่องกลุ่มวิสาหกิจชุมชน

 

EXIM BANK ฉลองครบรอบ 29 ปี ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 30 เปิดตัวโครงการ “EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” ปั้นคนตัวเล็กเป็นผู้ส่งออก นำร่องกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตอกย้ำบทบาท “ธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศไทย” โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เร่งสร้าง SMEs ให้แข็งแกร่ง ขับเคลื่อนภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทย

 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 29 ปี ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 30 ของการเปิดดำเนินงาน EXIM BANK ได้เปิดโครงการ “EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยเหลือและเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้สามารถเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจระหว่างประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน หรือผู้ประกอบการ SMEs ที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงกับ Supply Chain การส่งออก 

 

“โครงการ EXIM เพื่อคนตัวเล็ก EXIM BANK จะเร่งเดินหน้าปั้นคนตัวเล็กเป็นผู้ส่งออกอาทิ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ซึ่งผลิตและจำหน่ายสินค้าในประเทศหรือจำหน่ายให้แก่ผู้ส่งออกอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยเริ่มต้นส่งออกเอง และกลุ่มผู้ส่งออกทางอ้อม (Indirect Exporters) อาทิ พ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากจะสร้างรายได้จากการขายแล้ว ยังเป็นการสร้างพลัง Soft Power ให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักและนิยมในตลาดโลกมากขึ้นด้วย”

 

ดร.รักษ์ กล่าวว่า  SMEs ถือเป็นรากแก้วของประเทศไทยที่มีจำนวนมากถึง 99.6% ของผู้ประกอบการไทยทั้งหมด สร้างการจ้างงานได้มากถึง 12.6 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน72% ของทั้งระบบ และมีบทบาทต่อระบบเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 35% ของ GDP ดังนั้นEXIM BANK จึงให้ความสำคัญในการดูแลให้รากแก้วของประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยใช้เครื่องมือ “3 เติม” ได้แก่ “เติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงิน” และชูบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ดูแลให้คำปรึกษา บ่มเพาะ สร้างโอกาส และเติมเงินทุนอย่างใกล้ชิดและครบวงจร

 

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยต่อไปว่า EXIM BANK เริ่มต้นจากการให้คำปรึกษาแนะนำ ทั้งทางออนไลน์และการสัญจรลงพื้นที่ แก้ไขปัญหาให้ธุรกิจระดับครัวเรือนและชุมชน หมายรวมถึงการแก้ปัญหาหนี้ภาคธุรกิจ ซึ่งข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี2565 พบว่า หนี้ภาคธุรกิจอยู่ในระดับกว่า 13.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งอยู่ที่ 11.4 ล้านล้านบาท โดยวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ซ้ำเติมภาคธุรกิจยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้ NPLs ของ SMEs ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2565 อยู่ในระดับสูงถึง 6.8% สวนทางกับ NPLs ของธุรกิจขนาดใหญ่ที่เริ่มลดลงมาอยู่ที่ 1.9% สาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก SMEs ไทยขายแต่ในประเทศเป็นหลัก ซึ่งเศรษฐกิจไทยมีขนาดเล็ก โตเฉลี่ย 10 ปีเพียง 2.3% หนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ระดับสูงถึง 88.2% ต่อ GDP ยิ่งบั่นทอนกำลังซื้อภายในประเทศขึ้นไปอีก 

 

นอกจากนี้ EXIM BANK มีโครงการอบรมบ่มเพาะความรู้และทักษะของผู้ประกอบการประกอบกับการพัฒนาช่องทางใหม่ ๆ อาทิ แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเป็นช่องทางลัดให้ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสามารถเข้าสู่การค้าไร้พรมแดนได้โดยเร็ว ตลอดจนเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายและครบวงจร ทั้งสินเชื่อและบริการประกันการส่งออก เพื่อเสริมสภาพคล่องและคุ้มครองความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศให้ธุรกิจSMEs ไทยเดินต่อไปได้อย่างไม่สะดุด เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ท่ามกลางปัจจัยท้าทายทั้งทางการค้าและการเมืองระหว่างประเทศ

 

สำหรับรูปแบบของการให้คำปรึกษาจะมีทั้งทางออนไลน์และลงพื้นที่ในตลาดหรือชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาเราได้นำร่องจัด “คลินิก EXIM เพื่อคนตัวเล็ก” ไปแล้ว เพื่อต่อยอดจากมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ที่กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินของรัฐ 9 แห่งเพิ่งจัดเสร็จไปทั้งสิ้น 5 ครั้งในช่วงปลายปี 2565-2566 โดยมีเป้าหมายเพื่อตรวจสุขภาพทางการเงินและให้คำปรึกษาด้านการปรับแผนธุรกิจ การบริหารจัดการทางการเงินการปรับโครงสร้างหนี้และแก้ไขหนี้เสีย และการเติมเงินทุน 

 

สำหรับในระยะข้างหน้า EXIM BANK มีโครงการจะพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กเข้าสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น รวมทั้งเร่งใช้โมเดล “พี่จูงน้อง” เชื่อมโยง Supply Chain การค้าระหว่างประเทศ

 

“จากจุดยืนใหม่สู่บทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศไทย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังEXIM BANK วันนี้จึง Go the Extra Mile จัดทำโครงการที่ก้าวข้ามข้อจำกัด นอกเหนือจากภารกิจหน้าที่โดยตรง เป็นมากกว่าธนาคาร (Beyond Banking) รับฟังและแก้ไขปัญหาทางการเงินให้แก่ประชาชาชน กระตุ้นให้เกิดธุรกิจที่แข็งแรงพอจะเข้าร่วมSupply Chain การส่งออกได้ นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับฐานรากให้แข็งแกร่ง สร้างมูลค่าและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยมีคนตัวเล็กร่วมขับเคลื่อน” ดร.รักษ์ กล่าว

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com