Economies

กสิกร ลุ้นปีนี้พอร์ตลูกค้ามั่งคั่งเป็นบวกชนะตลาด   มองข้ามชอตปีหน้า ชูลงทุน`สินทรัพย์นอกตลาด` เพิ่มผลตอบแทน 
9 พ.ย 2566

เคแบงก์ ไพรเวทแบงก์กิ้ง  ชี้ปีนี้ตลาดผันผวน  ทำใจปีนี้ผลตอบแทนลุ้นบวกเล็กน้อย  ชนะตลาดดติดลบหนัก  ชี้ช่องลงทุนใน "สินทรัพย์นอกตลาด"  หรือ Private Asset  เพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ต   มองปีหน้าดอกเบี้ยเฟดสูงถึงกลางปี ศก.แผ่วและสงครามเรื้อรัง  คาดปีหน้าผลตอบแทน 3-4% หารือ ก.ล.ต.  ขอตั้งกองทุน Private Asset  เปิดทางเพิ่มสภาพคล่อง ปลดล็อคปมถือระยะยาว หวังดึงดูดเศรษฐีลงทุน 

 

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์  เอ็กซ์เซกคูทีฟ แชร์แมน ไพรเวท แบงกิ้ง กรุ๊ป  ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า หลังจากที่ปี 2565 ที่ผ่านมา เป็นปีที่โลกเผชิญกับความท้าทายของดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผล กระทบต่อสินทรัพย์ต่างๆในตลาดการเงินทั่วโลก โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูง  นักลงทุนทั่วโลกมีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนมาอยู่ในเงินฝากแทนโดยมียอดรวมเงินฝากสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดทุนให้ผลตอบแทนติดลบอย่างต่อเนื่องมาถึงปี 2566 นี้

 

ในส่วนของธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ของกสิกรไทยในปีที่แล้วมีผลตอบแทนติดลบในตลาดทุน แต่ถือว่าติดลบน้อยกว่าตลาดทุนโดยรวม ส่วนในปีนี้ ตลาดทุนโดยรวมยังติดลบ 3-5% ขณะที่การบริหารพอร์ตของไพรเวท แบงกิ้ง  กสิกรไทย ตอนนี้สถานการณ์กลับมาดีขึ้นแล้วและคาดว่า ปิดสิ้นปีนี้  ผลตอบแทนน่าจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 0% จนถึงบวกเล็กน้อยและคาดว่าจะชนะตลาดที่ติดลบ

 

ทั้งนี้ มูลค่าสินทรัพย์ลงทุน (AUM)  1 ล้านล้านบาท โดยผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา พบว่า ในช่วง 10 ปีแรก สามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ย 2-3% และในบางช่วงขึ้นไปสูง 5-7%  แต่ในช่วง 2 ปีนี้ ผลตอบแทนไม่ดีเท่าก่อนหน้า นี่ แต่ถือว่าทำได้ดีกว่าตลาดที่ติดลบ 3-5% 

 

"ในปีหน้า  คาดว่าภาพรวมของผลตอบแทนน่าจะดีขึ้นเป็นบวกเฉลี่ย  3-4% จากภาวะตลาดและได้ผลตอบแทนที่ดีจากการเน้นลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด หรือ Private Asset ซึ่งปีนี้ เห็นแนวโน้มทั่วโลกไหลเข้ากองทุนที่เป็น Private Asset  เพิ่มมากขึ้น  มีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์ และภายใน 1-2 ปีหน้า คาดว่ากองทุนพวกนี้จะเพิ่มเป็น 18 ล้านดอลลาร์ดอลลาร์ ขณะที่พบว่าผลตอบแทนจากการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ก็สามารถช่วยเสริมการสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้ ในภาวะที่ผลตอบแทนในตลาดแย่ลง โดยในช่วงก่อนโควิด ผลตอบแทนของสินทรัพย์นอกตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 15-18% และในช่วงโควิด ได้ย่อลงมาที่ระดับ 12-15% แต่ก็เป็นระดับที่ดีอยู่"

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ไพรเวท แบงกิ้ง กรุ๊ป  กสิกรไทย เป็นแห่งแรกที่เปิดกองทุนลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่ง (HNWs) แต่กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด  มีหลักเกณฑ์กำหนดต้องลงทุนระยะยาว 10-12 ปี  ทำให้ไม่มีสภาพคล่อง  ดังนั้น กสิกรไทย จึงมีแผนจัดตั้งกองทุนลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ที่สามารถซื้อขายได้ปีละ 4 ครั้ง เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง   ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งคาดว่าจะเห็นกองใหม่นี้ในปี 2567

 

สำหรับช่วงที่ผ่านมา กองทุน  Private Asset  ต่างประเทศ ของไพรเวท แบงกิ้ง กรุ๊ปกสิกรไทย  ที่จดทะเบียนกับ ก.ล.ต. ได้เปิดให้ลูกค้าลงทุนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท มูลค่ากองทุนเฉลี่ย 100-200 ล้านดอลลาร์ โดยมีการเสนอขายแล้ว 4-5 กองทุน มูลค่ารวม500-600 ล้านดอลลาร์  ทั้งนี้ ปกติจะออกกองทุน Private Asset ปีละ 1-2 กองทุน

 

นายจิรวัฒน์ กล่าวถึงการจัดพอร์ตลงทุนในปีนี้  ว่า มีการจัดน้ำหนักพอร์ต 3 ส่วน คือ  15% จะบริหารสภาพคล่องสูง และ 70% เป็นการลงทุนระยะยาว  และอีก 15%ที่เหลือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง

 

"แต่เนื่องจากตลาดมีความผันผวนสูง ลูกค้าจึงเอาไปฝากมากขึ้น คือไปแยู่ในส่วนของบริหารสภาพคล่องสูงแทน  ตอนนี้พอร์ตเราถือ cash สัดส่วนเป็น 40-50%แล้ว แต่ถึงลูกค้าไม่บ้ายินแแก ทางผู้จัดการกองทุนของเราก็จะเอาเงินลงทุนออกไปไว้ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง สำหรับสถานการณืลงทุนมนปีหน้า ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องเฟดคงดอกเบี้ยสูงตลอดช่วงครึ่งปีแรก ความเสี่ยงของบริษัทต่างๆที่อ่อนแอ จะทนทานต่อสภาวะดอกเบี้ยสูงไหวไหม เศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่กันยาว สงครามต่างๆที่เกืดขึ้น ก็กวังว่าจะไม่ขยายวง"

 

สำหรับกองทุนแกนหลัก (Core Port) ที่ลงทุนจะเป็นกองผสม โดยตอนนี้ลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตร เงินฝากในสหรัฐราว 50-60% ให้ผลตอบแทนสูง 1-3%  ซึ่งกองผสมที่ทำกำไรเยอะๆ คือ  All Roads Series

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com