เคแบงก์ ไพรเวทแบงก์กิ้ง ชี้ปีนี้ตลาดผันผวน ทำใจปีนี้ผลตอบแทนลุ้นบวกเล็กน้อย ชนะตลาดดติดลบหนัก ชี้ช่องลงทุนใน "สินทรัพย์นอกตลาด" หรือ Private Asset เพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ต มองปีหน้าดอกเบี้ยเฟดสูงถึงกลางปี ศก.แผ่วและสงครามเรื้อรัง คาดปีหน้าผลตอบแทน 3-4% หารือ ก.ล.ต. ขอตั้งกองทุน Private Asset เปิดทางเพิ่มสภาพคล่อง ปลดล็อคปมถือระยะยาว หวังดึงดูดเศรษฐีลงทุน
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ เอ็กซ์เซกคูทีฟ แชร์แมน ไพรเวท แบงกิ้ง กรุ๊ป ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า หลังจากที่ปี 2565 ที่ผ่านมา เป็นปีที่โลกเผชิญกับความท้าทายของดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผล กระทบต่อสินทรัพย์ต่างๆในตลาดการเงินทั่วโลก โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูง นักลงทุนทั่วโลกมีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนมาอยู่ในเงินฝากแทนโดยมียอดรวมเงินฝากสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดทุนให้ผลตอบแทนติดลบอย่างต่อเนื่องมาถึงปี 2566 นี้
ในส่วนของธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ของกสิกรไทยในปีที่แล้วมีผลตอบแทนติดลบในตลาดทุน แต่ถือว่าติดลบน้อยกว่าตลาดทุนโดยรวม ส่วนในปีนี้ ตลาดทุนโดยรวมยังติดลบ 3-5% ขณะที่การบริหารพอร์ตของไพรเวท แบงกิ้ง กสิกรไทย ตอนนี้สถานการณ์กลับมาดีขึ้นแล้วและคาดว่า ปิดสิ้นปีนี้ ผลตอบแทนน่าจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 0% จนถึงบวกเล็กน้อยและคาดว่าจะชนะตลาดที่ติดลบ
ทั้งนี้ มูลค่าสินทรัพย์ลงทุน (AUM) 1 ล้านล้านบาท โดยผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา พบว่า ในช่วง 10 ปีแรก สามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ย 2-3% และในบางช่วงขึ้นไปสูง 5-7% แต่ในช่วง 2 ปีนี้ ผลตอบแทนไม่ดีเท่าก่อนหน้า นี่ แต่ถือว่าทำได้ดีกว่าตลาดที่ติดลบ 3-5%
"ในปีหน้า คาดว่าภาพรวมของผลตอบแทนน่าจะดีขึ้นเป็นบวกเฉลี่ย 3-4% จากภาวะตลาดและได้ผลตอบแทนที่ดีจากการเน้นลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด หรือ Private Asset ซึ่งปีนี้ เห็นแนวโน้มทั่วโลกไหลเข้ากองทุนที่เป็น Private Asset เพิ่มมากขึ้น มีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์ และภายใน 1-2 ปีหน้า คาดว่ากองทุนพวกนี้จะเพิ่มเป็น 18 ล้านดอลลาร์ดอลลาร์ ขณะที่พบว่าผลตอบแทนจากการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ก็สามารถช่วยเสริมการสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้ ในภาวะที่ผลตอบแทนในตลาดแย่ลง โดยในช่วงก่อนโควิด ผลตอบแทนของสินทรัพย์นอกตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 15-18% และในช่วงโควิด ได้ย่อลงมาที่ระดับ 12-15% แต่ก็เป็นระดับที่ดีอยู่"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ไพรเวท แบงกิ้ง กรุ๊ป กสิกรไทย เป็นแห่งแรกที่เปิดกองทุนลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่ง (HNWs) แต่กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด มีหลักเกณฑ์กำหนดต้องลงทุนระยะยาว 10-12 ปี ทำให้ไม่มีสภาพคล่อง ดังนั้น กสิกรไทย จึงมีแผนจัดตั้งกองทุนลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ที่สามารถซื้อขายได้ปีละ 4 ครั้ง เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งคาดว่าจะเห็นกองใหม่นี้ในปี 2567
สำหรับช่วงที่ผ่านมา กองทุน Private Asset ต่างประเทศ ของไพรเวท แบงกิ้ง กรุ๊ปกสิกรไทย ที่จดทะเบียนกับ ก.ล.ต. ได้เปิดให้ลูกค้าลงทุนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท มูลค่ากองทุนเฉลี่ย 100-200 ล้านดอลลาร์ โดยมีการเสนอขายแล้ว 4-5 กองทุน มูลค่ารวม500-600 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ปกติจะออกกองทุน Private Asset ปีละ 1-2 กองทุน
นายจิรวัฒน์ กล่าวถึงการจัดพอร์ตลงทุนในปีนี้ ว่า มีการจัดน้ำหนักพอร์ต 3 ส่วน คือ 15% จะบริหารสภาพคล่องสูง และ 70% เป็นการลงทุนระยะยาว และอีก 15%ที่เหลือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง
"แต่เนื่องจากตลาดมีความผันผวนสูง ลูกค้าจึงเอาไปฝากมากขึ้น คือไปแยู่ในส่วนของบริหารสภาพคล่องสูงแทน ตอนนี้พอร์ตเราถือ cash สัดส่วนเป็น 40-50%แล้ว แต่ถึงลูกค้าไม่บ้ายินแแก ทางผู้จัดการกองทุนของเราก็จะเอาเงินลงทุนออกไปไว้ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง สำหรับสถานการณืลงทุนมนปีหน้า ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องเฟดคงดอกเบี้ยสูงตลอดช่วงครึ่งปีแรก ความเสี่ยงของบริษัทต่างๆที่อ่อนแอ จะทนทานต่อสภาวะดอกเบี้ยสูงไหวไหม เศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่กันยาว สงครามต่างๆที่เกืดขึ้น ก็กวังว่าจะไม่ขยายวง"
สำหรับกองทุนแกนหลัก (Core Port) ที่ลงทุนจะเป็นกองผสม โดยตอนนี้ลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตร เงินฝากในสหรัฐราว 50-60% ให้ผลตอบแทนสูง 1-3% ซึ่งกองผสมที่ทำกำไรเยอะๆ คือ All Roads Series