Economies

กสิกรไทย ปล่อยกู้ลูกค้ารายเล็กทะลุ 5 แสนราย วงเงินกู้กว่า 2.3 หมื่นล้านบาท
17 พ.ย 2565

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565  ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ประกาศว่าได้ขยายการปล่อยสินเชื่อขนาดเล็ก รวมวงเงินมากกว่า 23,000 ล้านบาท ให้กับผู้คนมากกว่า 500,000 คน ที่เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ และไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ โดยเป็นการอนุมัติในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ นับจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2565

 

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้เดินหน้าอย่างรวดเร็วตามเป้าหมายผสานความเป็นชาเลนเจอร์แบงค์เข้ามาในองค์กร ขยายบริการธนาคารไปยังกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงบริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธนาคาร เนื่องจากอยู่นอกเกณฑ์การพิจารณาประเมินสินเชื่อแบบเดิมๆ ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มคนที่ยังไม่เคยเข้าถึงบริการธนาคาร หรืออาจจะเข้าถึงบริการของธนาคารแล้วแต่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ หลุดพ้นจากกับดักหนี้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูง


“เราอยากจะช่วยคนนับล้านๆ ให้เข้าถึงและได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของธนาคารได้ เราจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี และใช้เทคโนโลยีเพื่อที่จะสามารถบรรลุภารกิจข้างต้น รวมถึงยกระดับการให้บริการลูกค้าปัจจุบันของเราให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย”

 

นางสาวขัตติยา อธิบายว่า กลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทยเสมือนการผสานเอาดีเอ็นเอของความเป็นชาเลนเจอร์แบงค์เข้ามาในองค์กรของธนาคารกสิกรไทยที่มีจุดแข็งอยู่แล้วในฐานะธนาคารที่มีความมั่นคง และเชื่อถือได้ และมีความสามารถในการตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มชาเลนเจอร์แบงก์ถือเป็นปรากฏการณ์ที่มาดิสรัปต์วงการธนาคารในระดับโลก ซึ่งท้าทายธนาคารแบบเดิมๆ ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาทำให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของธนาคารได้มากขึ้น และในขณะเดียวกัน ชาเลนเจอร์แบงก์ยังดึงดูดลูกค้าของธนาคารแบบเดิม ให้มาใช้บริการชาเลนเจอร์แบงก์ โดยกำจัดกระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อน มอบการให้บริการที่รวดเร็วกว่า ใช้งานง่ายกว่า และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ตลอดเวลา

 

นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าขยายโอกาสการเข้าถึงและได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของธนาคารกสิกรไทยที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน ไปสู่ผู้คนเป็นจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น ถึง 1 ล้านคน ภายใน 18 เดือน และในอีก 24 เดือน จะขยายเป็นราวๆ 2 ล้านคน

 

การเดินหน้าดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทยที่ได้ประกาศไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่มุ่งขยายโอกาสการเข้าถึงบริการธนาคาร ให้กับคนไทยจำนวนกว่า 30 ล้านคน ที่ยังไม่เคยเข้าถึงบริการธนาคาร หรืออาจจะเข้าถึงบริการของธนาคารแล้วแต่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ธนาคารกสิกรไทยเรียกว่าเป้าหมายการผสานเอาความเป็น ‘ชาเลนเจอร์แบงค์’ เข้ามาในองค์กร โดยโครงการนี้ตั้งเป้าที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัย และวิธีการทำงานแบบใหม่ๆ ของธนาคาร เอามาช่วยผู้คนที่ทำงานอาชีพอิสระ เกษตรกร และเจ้าของกิจการขนาดเล็กๆ ผู้ที่อาจจะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรืออาจจะมีไม่เพียงพอ ให้สามารถขอเงินกู้ได้ โดยใช้การประเมินที่เป็นธรรมมากขึ้นจากการพิจารณาที่ความสามารถและความตั้งใจในการชำระคืนเงินกู้ของผู้กู้

 

นายกฤษณ์ กล่าวว่า ในกลุ่มที่ได้รับเงินกู้นี้ มีประมาณ 63,000 ราย เป็นเจ้าของกิจการที่มีรายได้น้อยกว่า 2.5 ล้านบาทต่อปี กู้ผ่านโครงการ ‘สินเชื่อเงินด่วนเพื่อธุรกิจ’ ในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน วงเงินกู้รวม เกือบ 5,000 ล้านบาท  นอกจากนั้น เป็นบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน จำนวนประมาณ 215,000 ราย ได้รับเงินกู้สูงสุดถึง 20,000 บาทต่อราย ผ่านโครงการ ‘K PAY LATER’ ของธนาคารกสิกรไทย ขณะที่ในช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ จำนวนการทำธุรกรรมผ่าน K PAY LATER ก็เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ในช่วงเวลาเดียวกัน 

 

“เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เงินกู้จากโครงการ K PAY LATER ถูกนำไปใช้ในการซื้อของใช้ประจำวันที่จำเป็น เนื่องจากพบว่าส่วนใหญ่เป็นการนำไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ขายของใช้จำเป็น เช่นพันธมิตรของเรา อาทิ บิ๊กซี โลตัส ซี เจ เอ็กซ์เพรส ปตท. เซ็นทรัล และ แม็คโคร มากกว่านั้น เมื่อเราเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงระบบธนาคาร และได้เห็นว่าผู้กู้มีความรับผิดชอบในการชำระคืนเงินกู้เป็นอย่างดี เราก็จะเพิ่มวงเงินกู้ให้คนกลุ่มนี้ และขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอื่นๆ เพิ่มเติมให้กับหลายๆ คนในกลุ่มนี้ได้อีกด้วย” นายกฤษณ์ กล่าว

 

นายกฤษณ์ กล่าวต่อไปว่า  ธนาคารกสิกรไทย กำลังเดินหน้าการลงทุนต่างๆ ในเรื่องเทคโนโลยี ด้วยงบลงทุนประมาณ 22,000 ล้านบาท สำหรับปีนี้และในช่วง 2 ปีข้างหน้า 

 

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ธนาคารกสิกรไทยประกาศโครงการเดินหน้าเชิงกลยุทธ์มูลค่า 1 แสนล้านบาท มุ่งขยายโอกาสการเข้าถึงบริการธนาคารให้กับคนไทย และคนที่มีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง ที่ยังไม่เคยเข้าถึงบริการธนาคาร หรืออาจจะเข้าถึงบริการของธนาคารแล้วแต่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 ล้านคน โดยโครงการนี้ประกอบไปด้วยการเร่งลงทุนในเทคโนโลยีต่างๆ การซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี การผนึกกำลังพาร์ทเนอร์เชิงพาณิชย์ การยกระดับองค์กรไปอีกขั้น รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขยายโอกาสการเข้าถึงบริการธนาคารให้กับประชาชนในสังคมวงกว้างมากยิ่งขึ้น

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com