5 โบรคเกอร์ชั้นนำ นำโดย บล.โกลเบล็ก บล.หยวนต้า บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.กรุงศรี และบล.ดาโอ ออกบทวิเคราะห์ หุ้นไอพีโอ MPJ ชูจุดเด่น เป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ที่มีธุรกิจหลักคือ ธุรกิจบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ที่พร้อมเติบโตสูง จากการเตรียมเปิดลานตู้แห่งใหม่ที่ลาดกระบัง ขณะที่ธุรกิจคลังสินค้า และตัวแทนขายระวางเรือ น่าจะขยายตัวสูงเช่นกัน คาดเปิดจองซื้อภายในปลายเดือนตุลาคมนี้
บมจ.เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ หรือ MPJ ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท 1) บริการด้านการบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ 2) บริการขนส่งทางบกต่อเนื่องกับท่าเรือ 3) บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) และ4) บริการให้เช่าคลังสินค้า โดยวัตถุประสงค์ของการเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอเพื่อขยายกิจการ ปรับปรุงลานกองตู้คอนเทนเนอร์ จัดหารถหัวลากและหางพ่วง ชำระคืนเงินกู้ยืม พัฒนาระบบ ERP และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ MPJ มีแผนจะเข้าระดมทุนเพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 53 ล้านหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ประมาณไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เพื่อรองรับการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทฯ มีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ
โดย นักวิเคราะห์คาดว่า MPJ จะมีผลประกอบการจะเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจาก 1) การขยายธุรกิจลานกองตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่ 3 ในกรุงเทพฯ ย่านลาดกระบังซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งตู้ตอนเทนเนอร์ทั่วประเทศ 2) รับรู้รายได้คลังสินค้าในจังหวัดระยองเต็มปี และ 3) การเติบโตของธุรกิจตัวแทนขายค่าระวางเรือ โดยการเพิ่มพนักงานขายระวางเรือในเส้นทางใหม่ อาทิ ยุโรปและสหรัฐฯ ขยายตลาดจากเดิมที่เน้นเส้นทางในเอเชีย
บล.โกลเบล็ก คาดรายได้และกำไรปี 67 เติบโต 8%YoY และเติบโต 9%YoY สู่ 980 ลบ. และ 88 ลบ. ตามลำดับ ปี 2568 คาดรายได้และกำไร จะเติบโต 25%YoY และ 29%YoY ตามลำดับ สู่รายได้รวม 1,226 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 113 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจาก 1) การขยายธุรกิจลานกองตู้คอนเทนเนอร์สู่กรุงเทพฯ 2)รับรู้รายได้คลังสินค้าในจังหวัดระยองเต็มปี และ 3) การเพิ่มพนักงานขายระวางเรือในเส้นทางใหม่ อาทิ ยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้ประเมินราคาเหมาะสมปี 2568 อยู่ที่ 9.00 บาทต่อหุ้น
โดยบล.หยวนต้า คาดกำไรปกติปี 2567-2569 ที่ 89 ล้านบาท (+7% YoY) 124 ล้านบาท (+39% YoY) และ 151 ล้านบาท (+21% YoY) ตามลำดับ หนุนจากแนวโน้มกิจกรรมขนส่งที่เติบโตและการขยายธุรกิจคลังสินค้าและลานตู้ทำให้ประเมินราคาเหมาะสมปี 2568 อยู่ที่ 8.70 บาท/หุ้น
บล.ดาโอ ประเมินกำไร 2567-2569 จะโตเฉลี่ย 18% CAGR ประเมินกำไรปี 2567 ที่ 91 ล้านบาท +10% YoY จากธุรกิจ Freight Forwarder ที่ฟื้นตัวจากฐานต่ำ รวมถึงธุรกิจคลังสินค้าที่ได้ผลบวกจากคลังสินค้าใหม่ ส่วนปี 2568 ประเมินกำไร 121 ล้านบาท +32% YoY จากทุกธุรกิจที่ดีขึ้น ทำให้ประเมินราคาเหมาะสมปี 2568 อยู่ที่ 8.50 บาทต่อหุ้น
บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดกำไรสุทธิปี 2567-2569 เติบโตเฉลี่ย 27% YoY CAGR โดยคาดกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 88 ล้านบาท +9% YoY และปี 2568-2569 คาดผลการดำเนินงานจะเติบโตก้าวกระโดดอยู่ที่ 122 ล้านบาท (+39% YoY) และ 162 ล้านบาท (+33% YoY) ตามลำดับ โดยมีปัจจัยหนุนมาจากธุรกิจคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง และธุรกิจ Freight Forwarder ได้ขยายทีมขายและให้บริการเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเส้นทางยุโรปและสหรัฐอเมริกา รวมถึงภาวะดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการนำเงิน IPO ไปชำระหนี้บางส่วน ทำให้ประเมินราคาเหมาะสมปี 2568 อยู่ที่ 8.00 บาทต่อหุ้น
บล.กรุงศรี คาดกำไรสุทธิ 2567-2569 ที่ 76 ล้านบาท / 89 ล้านบาท / 95 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต +11% CAGR เพราะคาดในปี 2567-2569 จะมียอดขายราว 935 ล้านบาท / 1,040 ล้านบาท / 1,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% CAGR จากรายได้จากการขนส่งทางบกหลังมีการปรับราคาขึ้นตามราคาน้ำมัน (Cost plus) ในปี 2568 ตามหลังราคาดีเซล, รายได้จากธุรกิจ Freight forwarder เติบโตขึ้นจากการขยายทีมและเพิ่มสายเดินเรือ Route ไกล (ยุโรป-อเมริกา), คลังสินค้าใหม่ 2 แห่งขนาด 12,463 และ 18,000 ตรม. ที่เริ่ม Operate ในไตรมาส 2 ปี 2567 และไตรมาส 3 ปี 2569 ตามลำดับ และอัตรากำไรขั้นต้นรวมจะขยับขึ้นมาเล็กน้อยจาก 21% ในปี 2566 สู่ระดับ 22% ในปี 2567-2569 นอกจากนี้ MPJ มี Upside Risk จากลานตู้คอนเทนเนอร์ใหม่ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ คาดเริ่ม Operate ภายปี 2568 คิดเป็น Upside 1.50 บาทต่อหุ้น ทำให้ประเมินราคาเหมาะสมปี 2568 อยู่ที่ 8.00 -9.50 บาทต่อหุ้น