บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ได้รับปัจจัยกดดันให้ปรับลงได้ต่อ หลังผลประชุม เฟดส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ และคงดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานาน ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1500 และ 1490 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน1515 และ 1520 จุด ตามสัญญาณเทคนิคยังเป็นลบ และยังไม่พบสัญญาณรีบาวด์
ประเด็นสำคัญ
• Fed มีมติคง ดบ. ที่ 5.25-5.50% ตามคาด แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้น ดบ. อีกครั้งในสิ้นปีนี้ และยังคงนโยบายการเงินเข้มงวดจนถึงปีหน้า ขณะที่เพิ่มเป้า GDP ปีนี้โต 2.1% จาก 1.0% ส่วนเงินเฟ้อปีนี้คาด 3.3% ปีหน้า 2.5% และสู่เป้าหมาย 2% ในปี 2569 ซึ่งช้ากว่าคาด
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าคาดว่าจะลดลงเพียง 7 แสนบาร์เรล ด้าน GS ระบุ อุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้น และการขยายเวลาลดอุปทาน เกิดภาวะขาดดุลน้ำมัน คาดราคา Brent ปีหน้าที่ 80-105 เหรียญ/บาร์เรล
• UK เลื่อนการห้ามใช้รถยนต์น้ำมันดีเซลและเบนซิน จากปี 2030 เป็น ปี 2035 สอดคล้องกับแผนการของ EU ที่ต้องการให้รถยนต์ใหม่ที่ขายหลังปี 2035 ปราศจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
• Bond Yield ไทย 10 ปีปรับขึ้นที่ 3.2% สูงสุดในรอบปี สมาคมตราสารหนี้ระบุมาจากภาวะพันธบัตรล้นตลาดส่งผลเกิดแรงเทขาย
• นายกฯ เศรษฐาหารือ Microsoft-Google วันนี้เชิญชวนลงทุน Data Center ในไทยอีกทั้งประกาศบนเวที UNGA 78 ตั้งเป้าขับเคลื่อนไทยสู่เป้าหมายยั่งยืนหนุนลงทุนในธุรกิจสีเขียวจาก 1.25 เป็น 4.5 หมื่นล้านเหรียญ
• กกพ. หารือ ปตท.-กฟผ. ลดค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค. 66 เหลือ 3.99 บาท/หน่วย โดยให้ปตท. ปรับลดค่าก๊าซที่เรียกเก็บจากกิจการ ผลิตไฟฟ้าเหลือไม่เกิน 304.79 บ. ต่อล้านบีทียู ขณะที่ กฟผ. ให้ รับภาระค่าไฟฟ้าคงค้างกว่า 1 แสนล้านบาทไปก่อน
กลยุทธลงทุน เรา มอง SET จะยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1500-1540 จุด หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน โดยในประเทศรอติดตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล ขณะที่ต่างประเทศอยู่ระหว่างจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ นำโดย FED (21 ก.ย.) BoE (21 ก.ย.) และ BoJ (22 ก.ย.) ทั้งนี้ล่าสุด FED มีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด ขณะที่คาด BoE และ BoJ จะยังดำเนินการใช้นโยบายการเงินตึงตัวต่อไป กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
โฟกัสหุ้นวันนี้
CRC แม้ 3Q66 คาดกำไรลดลง YoY จากยอดขายธุรกิจค้าปลีกที่ชะลอตัว แต่จะฟื้นตัวสู่ระดับที่ดีที่สุดของปีนี้ใน 4Q66 จากปัจจัยฤดูกาล ยอดขายธุรกิจค้าปลีกที่ดีขึ้น และค่าไฟฟ้าที่ลดลง ขณะที่การเปิดตัวธุรกิจค้าส่งอาหาร “Go Wholesale” คาดมีผลกระทบจำกัดต่อกำไร
KTB 3Q66 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น 22% YoY (NII สูงขึ้น) และ 2% QoQ (NII สูงขึ้น, ECL สูงขึ้น, opex สูงขึ้น) ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 22%YoY อีกทั้งมองจะเป็นธนาคารที่มี NIM ขยายตัวมากที่สุดและมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ