แนวโน้มตลาดวันนี้ (2 ธ.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET เริ่มสร้างฐานได้บริเวณแนวรับ 1422 จุด ซึ่งยังใช้เป็นจุดติดตามในกรอบล่างสำหรับภาพการฟื้นตัว ส่วนกรอบบนอยู่ที่ 1435 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเห็นภาพการฟื้นตัวชัดขึ้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1440 จุด ทั้งนี้ในภาพรวมแนวโน้มราคาคาคว่าดัชนียังมีโอกาสฟื้นตัวกลับ โดยคาดได้ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินของกองทุนประหยัดภาษี ซึ่งจะมีเข้ามามากในช่วงปลายปี
ประเด็นสำคัญ
• ว่าที่ ปธน. สหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์เตือนกลุ่มประเทศ BRICS ไม่ให้สร้างสกุลเงินใหม่เพื่อแทนที่ดอลลาร์สหรัฐ หรืออาจจะต้องเผชิญการเรียกเก็บภาษีนำเข้า 100% หรือไม่สามารถส่งสินค้าเข้ามาขายในสหรัฐฯ ได้
• รัสเซียประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามส่งออกเบนซินชั่วคราว จากเดิมที่จะสิ้นสุดในสิ้นปีนี้ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมน้ำมันกลั่นในประเทศ
• ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติต่ออายุนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายสำหรับสายสีม่วงและสีแดงถึงวันที่ 30 พ.ย. 68 และมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยผ่านมาตรการภาษีช่วยค่าซ่อมบ้านและรถ
• ธปท. เผยเศรษฐกิจไทยเดือนต.ค. 2567 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน อานิสงส์จากส่งออก ท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชนซึ่งได้รับผลดีจากมาตรการแจกเงินหมื่นบาท ขณะที่เศรษฐกิจในบางภาคส่วนยังชะลอตัว จากปัญหาเชิงโครงสร้างและความสามารถในการแข่งขันที่ด้อยลง
• พลังงานคาดแผนพลังงานชาติ 2024 เข้าครม. หวังประกาศใช้ทันปีนี้ โดยตามร่างแผน PDP และแผนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. จะเริ่มมีการใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานผลิตไฟฟ้าในปี 2573 และช่วยหนุนให้มูลค่าไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 8 หมื่นลบ. ในปี 2593
• SCB EIC ระบุภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตราว 5.1%YoY จากที่คาดจะเติบโต 4.8%YoY แม้การบริโภคเอกชนจะเติบโตชะลอลงแต่คาดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เริ่มดำเนินการในปี 2567 ต่อเนื่องถึงปี 2568 (เฟส 2 และ 3) จะมีส่วนช่วยเพิ่มกำลังซื้อ
• กระทรวงต่างประเทศจีนประกาศจีนจะใช้มาตรการตอบโต้รุนแรง หลังสหรัฐฯ อนุมัติขายยุทโธปกรณ์แก่ไต้หวัน 385 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการละเมิดหลักการจีนเดียวและละเมิดอำนาจอธิปไตยของจีน
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะยังเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways ในกรอบ โดยมีแนวรับเชิงจิตวิทยาที่บริเวณ 1400 จุด และตลาดจะมีการรีบาวน์เป็นระยะๆ เป็นผลสืบเนื่องจากปัจจัยต่างประเทศยังค่อนข้างจำกัด โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มทรงตัว ขณะที่ภาคการค้าระหว่างประเทศของจีนยังมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีประเด็นใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน และยังติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideways โดย Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออกจาก EM หลังกังวลนโยบายกีดกันทางการค้าและในประเทศยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยว แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT CRC HMPRO TNP) และท่องเที่ยว (AWC AOT MINT)
2. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP AMATA AU TIDLOR BCP
3. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษีแนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Div. Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5%, มี ESG Rating และ CG สูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดมีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 ใน 1H68 BANPU CCET COM7 SAWAD รวมทั้งหุ้นที่ได้อานิสงส์จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ แนะนำ HMPRO CPALL และ TASCO ขณะที่ระมัดระวังการลงทุนหุ้นกลุ่มการแพทย์, ยานยนต์ และวัสดุก่อสร้างที่กำไร 4Q67 มีโมเมนตัมอ่อนแอ
Daily top picks
GULF: 4Q67 คาดกำไรจะทำสถิติสูงสุดอีกครั้งจากการขยายกำลังการผลิต โดยมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจากผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการกับ INTUCH ที่จะหนุนให้งบดุลของบริษัทปรับตัวดีขึ้นและช่วยสนับสนุนการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่กำลังจะมาถึง รวมถึงการเริ่มต้นวงจรอัตราดอกเบี้ยขาลง
TASCO: เป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับตัวลงและสถานการณ์น้ำท่วม ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรปกติจะยังเติบโตต่อเนื่อง YoY แรงหนุนจากปริมาณขายยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งเบิกงบประมาณซ่อมและสร้างถนนในไทย อีกทั้งราคาขายยางมะตอยทั้งในประเทศและต่างประเทศยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง