SAFE เผยผลดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2566 ทำรายได้รวม 629.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 149.26 ล้านบาท เติบโต 13.03% และ 14.68% ตามลำดับเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตั้งเป้าปีนี้โต 20-30% รับเทรนด์ตลาดท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยากพุ่งแรง หลังประชากรทั่วโลกเกิดปัญหาอัตราการตั้งครรภ์ต่ำ กำเงินสดในมือกว่า 1,300 ล้านบาท เร่งขยายการเติบโตเดินหน้าแผนร่วมทุน รพ.ต่างชาติเปิดคลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก-ขยายสาขาในไทยเพิ่มอีก 2 แห่ง มุ่งสู่ผู้นำด้านรักษาผู้มีบุตรยาก ด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในภูมิภาคเอเชีย
นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SAFE’ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 629.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.03% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวมาจากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการคลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก 497.96 ล้านบาท รายได้จากการให้บริการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและทารกในครรภ์และการให้บริการด้านห้องปฏิบัติการด้านพันธุศาสตร์ 127.92 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการด้านผิวหนังและความงาม 3.31 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 149.26 ล้านบาท เติบโต 14.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวมอยู่ที่ 222.62 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 60.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY)
โดยภาพรวมรายได้และกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกที่เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยากของโลก เช่น รัฐบาลประเทศจีนได้ประกาศยกเลิกนโยบายลูกคนเดียวของคู่สมรสโดยในปี 2022 ให้เป็นนโยบายลูกสามคน เนื่องจากเกรงว่าจะเข้าสู่สังคมสูงอายุ และป้องกันการขาดแคลนแรงงานในวัยทำงาน นอกจากนี้หลายประเทศได้เริ่มติดตามปัญหาภาวะการเจริญพันธุ์และอัตราการเกิดอย่างใกล้ชิดแล้ว
ส่วนแผนดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภาครัฐ จะเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และได้ตั้งเป้าเติบโตทั้งปีประมาณ 20-30% ทั้งนี้ SAFE ได้วางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ผู้นำด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในระดับเอเชีย โดยบริษัทฯ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีเงินสดพร้อมสำหรับขยายการลงทุน ณ สิ้น 30 มิ.ย. 66 สูงถึง 800 ล้านบาท ประกอบกับเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้น IPO กว่า 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ จะลงทุนเพื่อย้ายที่ตั้งสาขารามอินทราไปยังพื้นที่แห่งใหม่ภายในโครงการสนามไดร์ฟกอล์ฟ กอล์ฟ ชาแนล เซ็นเตอร์ ถนนรามอินทรา บนพื้นที่กว่า 600 ตร.ม. เพื่อให้บริการแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น เช่น มีห้องปฏิบัติการด้านพันธุศาสตร์สำหรับนักวิทยาศาสตร์ของกลุ่มที่ทันสมัยและกว้างขวาง ซึ่งคาดว่าจะเสริมสร้างศักยภาพการเติบโตของสาขารามอินทราจาก OPU Cycles ที่เพิ่มขึ้นตามมา นอกจากนี้ เตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง เฉลี่ยลงทุนสาขาละ 100-120 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุน (Joint Venture) กับโรงพยาบาลในต่างประเทศ เพื่อเปิดคลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก รวมถึงอยู่ระหว่างเจรจาร่วมลงทุนในธุรกิจที่ต่อยอดจากธุรกิจเดิมในส่วนของธุรกิจเสริมความงาม โดยบริษัทคาดว่าจะสร้าง Synergy และเพิ่มการเติบโตได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเริ่มเห็นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป