Market

เอเซีย พลัส ส่องหุ้นไทยปี 67  วิ่งเข้าเป้า1,650-1,670 จุด  บจ.กำไรดีขึ้น แต่ไร้วี่แว่วต่างชาติกลับไทย
1 ก.พ. 2567

เอเซีย พลัส คาดหุ้นไทย ปี 67  วิ่งแตะเป้า 1,650-1,670 จุด  มอง กำไร บจ.ฟื้นตัวต่อเนื่อง EPS โต 12%  เศรษฐกิจ คาดขยายตัว3.5-4%  แรงหนุนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ และสิ้นสุดวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้น  ดร.ก้องเกียรติชี้ไร้วี่แววต่างชาติเข้าไทย  เหตุศก.โตต่ำ-ขาดการลงทุน FDI หาย ไร้แรงหนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้น

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัสกล่าวว่า  มุมมองทางปัจจัยพื้นฐานถือว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างดี กล่าวคือ กำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2567 ฟื้นตัวต่อเนื่องโดยประเมิน EPS Growth ที่ราว 12% โดยที่บริษัทใน SET50 มากกว่าครึ่งสามารถทำกำไรได้สูงกว่าระดับก่อน Covid-19 ระบาดแล้ว ในมุมของ Valuation พบว่าค่า PER ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่บริเวณ 14 เท่า มีค่า PBV ที่ 1.34 เท่าซึ่งถือว่าอยู่ระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับอดีตขณะที่หากพิจารณาระดับ Market Earning Yield   Gap (ใช้กำไรคาดการณ์ปี 2567) อยู่ที่ 4% ซึ่งถือเป็น Valuation ที่ถูก และเหมาะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยในปี2567 เอเซีย พลัส ให้เป้าหมาย SET Index สิ้นปี 67 น่าจะอยู่ที่บริเวณ 1,650-1,670 จุด ภายใต้ MEYG ที่ระดับ 3.3% อิง P/E 17.24 เท่า และใช้ EPS67F (กำไรต่อหุ้น) 96 - 97 บาท/หุ้น แนวรับสำคัญ 1,350 จุด ถ้าหลุดก็จะเข้าใกล้ 1,300 จุดได้

 

นอกจากนี้ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายถือได้ว่าสิ้นสุดวัฏจักรขาขึ้นแล้ว และอยู่ในช่วงที่รอเวลาปรับลดลง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยิ่งจะทำให้ Market Earning Yield Gap ขยายตัวสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจขึ้นตามลำดับ ขณะที่หากพิจารณาในมุมของเศรษฐกิจ มีโอกาสฟื้นตัวราว 3.5-4% แม้จะมีความล่าช้าของโครงการภาครัฐ เช่น DIGITAL WALLET อย่างไรก็ตาม ภาพระยะยาวอาจเป็นแรงผลักดันผ่านนโยบายการคลัง แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ เพื่อเรียกความเชื่อมั่น พร้อมกับกระตุ้นเศรษฐกิจไทยที่เข้มข้นขึ้น

 

"อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ทำให้ SET Index ปรับตัวขึ้นไปได้ยากในระยะสั้น ซึ่งเราเห็นว่าเป็นเพราะมูลค่าการซื้อขายที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น กล่าวคือ มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเฉลี่ย 4.5 หมื่นล้านบาท/วัน (YTD) คิดเป็น TURNOVER ราว 65% ต่อปี ซึ่งสาเหตุหลักมาจากเม็ดเงินต่างชาติที่ยังไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงระดับความไม่มั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อ SET Index "

 

โดยอาจจะมีสาเหตุได้หลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ความไม่เป็นเอกภาพของแนวนโยบายการเงิน และนโยบายการคลังของประเทศ ความกังวลเรื่องตลาดตราสารหนี้ซึ่งในปี 2567 มีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระจำนวนมากราว 8.8 แสนล้านบาท และมีสัญญาณที่บางส่วนมีความเสี่ยงต่อการชำระคืน นอกจากนี้ยังมีความกังวลสงสัยในรูปแบบการซื้อขายผ่าน Program Trading และการทำ Short Sell ในหุ้นที่มีขนาดกลาง-ใหญ่ สภาวะดังกล่าวทำให้ SET Index มีความผันผวน เพิ่มความเสี่ยงสำหรับการลงทุนในระยะสั้น

 

กลยุทธ์ที่แนะนำ เป็นการให้สะสมหุ้น คุณภาพดีที่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่องเพื่อการลงทุนระยะยาว เช่น AP, SPALI, ADVANC, PTTEP, TTB และหุ้นอ้างอิงกับการท่องเที่ยว AOT, BDMS หลังจากมีการเปิดฟรีวีซ่าไทยจีนถาวร ตั้งแต่เดือน มี.ค.เป็นต้นไป ส่วนเป้าหมาย SET Index สิ้นปี 2567  เอเซีย พลัสประเมินว่าน่าจะอยู่ที่บริเวณ1,650-1,670 จุด ภายใต้ MEYG ที่ระดับ 3.3% อิง P/E 17.24 เท่า และใช้ EPS67F 96-97 บาท/หุ้น

 

สำหรับแนวโน้มเงินลงทุนต่างชาติ ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นวี่แววนักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นไทยเล หลังจากที่ต่างชาติได้ขายหุ้นไทยมาตลอดและจำนวนมากด้วย ส่วนใหญ่ที่ต่างชาติถืออยู่เป็นพวกพันธมิตรทางธุรกิจในบริษัทจดทะเบียนมากกว่า ขณะที่ข้อมูลในช่วง 10 ปีย้อนหลัง ต่างชาติขายหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยรวมเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ  และยิ่งปีที่แล้วยอมขายตัดขาดทุนหุ้นไทย และหันไปทำกำไรในตลาดหุ้นประเทศอื่นแทน

 

“เงินต่างชาติ ยังไม่เห็นวี่แววที่จะเข้ามา เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยที่ต่ำ  ปัญหาภาคการลงทุนหายไป โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงที่ลดมานาน  ตลาดผุ้นไทยปรับคัวขึ้นค่อนข้างยาก ตอนนี้ยังไม่เห็น upside หุ้นไทยเลย" ดร. ก้องเกียรติกล่าว

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com