Market

InnovestX คาด SET มี doenside จำกัด ลุ้นฟื้นตัว
18 พ.ย 2567

แนวโน้มตลาดวันนี้ (18 พ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดดัชนีมี Downside จำกัด โดยมีแนวรับบริเวณ 1435 และ 1430 จุด ตามลำดับ เป็นจุดลุ้นฟื้นตัวกลับ โดยมีปัจจัยหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ติดตามประชุมบอร์ดในวันที่ 19 พ.ย. และดอลลาร์ชะลอแข็งค่า ช่วยลดแรงกดดันด้าน Fund Flow ไหลออก ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1450-1460 จุด หากขึ้นทะลุผ่าน จะเห็นการฟื้นตัวชัดขึ้น ประเด็นสำคัญวันนี้ ติดตามตัวเลข GDP ไทย ใน 3Q67

 

ประเด็นสำคัญ

• รมช.คลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจวันที่ 19 พ.ย.นี้ อาทิ แจกเงินหมื่นแก่กลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ซ้ำซ้อนกับเฟสแรก แก้หนี้ภาคประชาชน และของขวัญปีใหม่ในช่วงปลายปีนี

 

• จีนเผยโรงกลั่นน้ำมันของจีน ต.ค. กลั่นน้ำมันดิบลดลง 4.6%YoY จากการปิดโรงงานและอัตราดำเนินการที่ลดลงทในโรงกลั่นน้ำมันอิสระขนาดเล็ก การขยายตัวของผลผลิตโรงงานชะลอตัวลง และปัญหาอุปสงค์ภาคอสังหายังไม่เห็นสัญญาณดีขึ้น

 

• ว่าที่ปธน. สหรัฐฯ เผยจะเสนอชื่อนายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์เป็น รมว. สาธารณะสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนักรณรงค์ต่อต้านวัคซีน ทำให้ราคาหุ้นผู้ผลิตวัคซีนและอาหารบรรจุภัณฑ์ปรับลง

 

• สรท. กล่าวต่อกรณีบาทอ่อนค่ารวดเร็วว่าเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกและแนะนำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนจากความผันผวน โดยประเมินค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 34-35 บาทต่อดอลลาร์

 

• แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาลเผยรายชื่อบอร์ดไตรภาคีลงตัวแล้ว โดยอยู่ระหว่างเสนอครม. พิจารณา และคาดจะสามารถเรี่มต้นประชุมได้ภายในต้นเดือน ธ.ค. เพื่อพิจารณาการขึ้นค่าแรง 400 บาท/วันทั่วประเทศ 

 

• Berkshire Hathaway เผย 3Q67 ได้เข้าลงทุน Domino Pizza และ Pool Corp และถอนการลงทุนจาก Apple และ Bank of America ขณะที่ถือครองเงินสดราว 3.25 แสนล้านดอลลาร์และหยุดโครงการซื้อหุ้นคืนที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2561

 

• รัสเซียได้หยุดส่งก๊าซฯ สู่ยุโรปผ่านออสเตรียราว 17 ล้านลบ. ม. ต่อวัน หรือ 5% ของปริมาณการนำเข้าสู่ยุโรปทั้งหมดตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมาเนื่องจากข้อพิพาทเรื่องการชำระเงิน

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ โดยปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างจำกัดหลังอยู่ระหว่างรอดูนโยบายภาษีของทรัมป์ ขณะที่ปัจจัยในประเทศรอดูรัฐออกมาตรการกระตุ้น ศก. เพิ่มเติมกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

 

1. หุ้น Event Play ที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐเตรียมพิจารณาออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อาทิ แจกเงินหมื่นบาทเฟส 2, ช้อปดีมีคืน (Easy E-Receipt) แนะนำกลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT CRC HMPRO TNP) 

 

2. หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากดอลลาร์แข็งค่า/บาทอ่อนค่า แนะนำกลุ่มที่มีรายได้จากการส่งออก (CPF DELTA) และกลุ่มท่องเที่ยว (AWC AOT MINT) 

 

3. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP CBG AMATA AU TIDLOR  

 

4. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี อาทิ SSF RMF และ THAIESG แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% และมี ESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ AA-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว อีกทั้งมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO

 

กลยุทธ์การลงทุน แม้ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway ปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างจำกัดหลังตลาดรับรู้ปัจจัยบวกจากนายโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่แล้ว สะท้อนจากผลตอบแทนและกระแสเงินที่ไหลเข้าหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯรวมถึงกระแสเงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้น EM และตลาดหุ้นจีนจาความกังวลนโยบายปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยในประเทศมองอยู่ในช่วงปรับประมาณการของบจ. และกำไรตลาด หลังภาพรวมกำไรของ SET 3Q67 อ่อนตัวลงทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้งมีประเด็นต้องติดตามจากบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเตรียมหารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในวันที่ 19 พ.ย. และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับคำร้องคดียุบพรรคเพื่อไทยในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

Daily top picks

BBL: เป็นหุ้นที่เราแนะนำซื้อเพียงตัวเดียวในกลุ่มธนาคาร โดยมองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก 1) Valuation ถูกที่สุดในกลุ่มธนาคาร 2) Credit Cost มีแนวโน้มปรับตัวลดลง พร้อมกับมี Upside จาก THAI 3) สินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม 4) มี Upside สำหรับ NIM และ 5) มีความเป็นไปได้สูงหรือมี Upside ที่จะปรับอัตราการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น

 

CPAXT: มองเป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์หลักของกลุ่มพาณิชย์จากการเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล ขณะที่ 4Q67 คาดจะเป็นจุดสูงสุดของกำไรปีนี้ โดยจะเติบโต QoQ ตามผลฤดูกาล และ YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ทั้งนี้ภายหลังควบรวมกิจการ Synergy จะเริ่มมีให้เห็นใน 4Q67 และชัดเจนมากขึ้นในช่วงกลางปี 2568

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com