หุ้นไทยวันนี้ ลุ้นสายย่อรอเด้ง หลังการเมืองไทยเดินหน้าเลือกนายกฯ 22 ส.ค.  แต่ยังถูกกดดันจาก บจ. ไทย  2Q23  กำไรรวม 2.2 แสนลบ. หดตัวแรง  และความไม่แน่นอนของทิศทางดอกเบี้ยจากเฟด เศรษฐกิจจีนชะลอตัว เปิดหุ้นรายตัวเด่น  CBG  SIRI 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (17 ส.ค.) บล.กรุงศรี ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,515 / 1,510 จุด แม้ความคืบหน้าการเมืองภายในจะเป็นแรงหนุนดัชนี หลังศาล รธน.มีมติไม่รับคำร้องปมเสนอชื่อ "พิธา" โหวตนายกฯ ซ้ำ และจะประชุมรัฐสภาโหวตนายกฯในวันที่ 22 ส.ค.  อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนทิศทางดอกเบี้ยเฟดจากเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าเป้าหมายเฟดที่ระดับ 2% รวมถึงความกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัวจะกดดันดัชนี

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy แนะนำหุ้น  AMATA WHA ROJNA NYT อานิสงส์ค่ายรถ EV ตั้งฐานการผลิตในไทย และ  ADVANC INTUCH SIRI THCOM SC PR9 XPG GULF STEC PTG หุ้นอิงกระแสการเมือง

หุ้นแนะนำวันนี้ 

-CBG (ปิด 75.75 บาท ซื้อ/เป้า 82 บาท) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่1Q23 และทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องใน 3Q23 ระยะสั้นมี Sentiment บวกจากราคาอะลูมิเนียมลดลงใกล้ระดับต่ำสุดของปีนี้อีกครั้ง

-SIRI (ปิด 1.90 บาท ซื้อ/เป้า IAA Consensus 2.20 บาท) ปันผลดีให้ Dividend yield สูง โดย SIRI ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 0.10 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield ที่5.3% ขึ้น XD 28 ส.ค. จ่ายปันผล 11 ก.ย. 23 

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) สรุปกำไรบริษัทจดทะเบียน 2Q23 หดตัว 21%qoq และ-37%yoy: บริษัทจดทะเบียน 891 แห่ง คิดเป็น Market cap คิดเป็น 97% ของ Market cap รวมมีกำไรสุทธิ2Q23 ที่ 2.2 แสนล้านบาทหดตัว 21%qoq และ-37%yoy รวม 1H23 มีกำไรสุทธิรวม4.98 แสนล้านบาท หดตัว 14.8%yoy เป็นผลจากการทรุดตัวของหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรฯ จากการขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบ

(+) เดินหน้าเลือกนายฯ หลังศาล รธน. ไม่รับคำร้องการเสนอชื่อนายกฯ ซ้ำ: เรามองเป็นบวกเพราะคำสั่งดังกล่าวช่วยปลดล็อก Overhang ทางการเมืองรัฐสภาสามารถกลับสู่ขบวนการเลือกนายกฯ ได้อีก โดยประธานสภาฯ กำหนดวันเลือกนายกฯ ใหม่ในวันที่ 22 ส.ค. ปัจจัยนี้จะช่วยหนุน Sentiment การลงทุนของหุ้นในกลุ่ม Domestic play อาทิ ค้าปลีก ท่องเที่ยว และ หุ้นการเมือง 

(-) FED Minutes กรรมการส่วนใหญ่ยังหนุนขึ้นดอกเบี้ยเพื่อกดเงินเฟ้อ: คณะกรรมการเฟดมีความเห็นที่ต่างกันในการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ส่วนใหญ่ยังต้องการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อกดเงินเฟ้อลงสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% และจะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจ ณ ขณะนั้นประกอบการตัดสินใจ (Data dependent)