โบรกฯ เชียร์ SFLEX ประเมินราคาเป้าหมาย 6.80 บาท แม้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น แต่กระทบต้นทุนเม็ดพลาสติกต่ำ เพราะล้นตลาด คาดไตรมาส 3 กำไรแตะ 45-50 ล้านบาท และไตรมาส 4 ทะลุ 50 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดใหม่ ด้านบอส"สมโภชน์ วัลยะเสวี" แย้มแนวโน้มผลงานไตรมาส 3 โตแกร่ง มั่นใจรายได้ทั้งปีเข้าเป้าแตะ 1,800 - 1,850 ล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX โดยคงแนะนำ “ซื้อ” และให้ราคาเป้าหมาย 6.80 บาท อิงวิธี DCF (WACC 5.9% และ Terminal growth 3%) Forward PE ต่ำเพียง 15 เท่า (คิดเป็น -1.25 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ราคาที่พักฐานลงมาเพราะความกังวลต่อราคาน้ำมัน จึงเป็นโอกาสทยอยสะสมอีกครั้ง
"ราคาหุ้น SFLEX พักฐาน เนื่องจากความกังวลต่อราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นอาจส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ประเมินว่าผลกระทบดังกล่าวต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 3 –4 ต่ำมาก โดยต้นทุนเม็ดพลาสติกของ SFLEX ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับราคาน้ำมัน ขณะเดียวกัน ค่าสหสัมพันธ์ในช่วงปีที่ผ่านมา ยิ่งสะท้อนความสัมพันธ์ที่ต่ำของราคาน้ำมันกับเม็ดพลาสติก เนื่องจากอุปทานเม็ดพลาสติกที่ล้นตลาด และสถานการณ์นี้จะยังคงอยู่ต่อไปในปี 2567 เราประเมินเบื้องต้น คาดกำไรไตรมาส 3/2566 ไว้ในกรอบ 45–50 ล้านบาท และคาดกำไรไตรมาส 4/2566 จะเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ที่มากกว่า 50 ล้านบาท จาก ภาษีจ่ายที่จะลดลง (รับประโยชน์จาก BOI) ยอดขายสินค้าอุปโภค บริโภค ที่คาดจะแข็งแกร่งใน 4Q66 และเริ่มรับรู้รายได้จาก JV ที่เวียดนาม ยังคงแนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 6.80 บาท ราคาหุ้นที่พักฐานเนื่องจากความกังวลมากเกินไป เป็นโอกาสสะสมอีกครั้งที่ราคาถูกลง"
อีกทั้งอัพเดทดีล JV ที่เวียดนามล่าช้าในเรื่องของเอกสารกับทางราชการของเวียดนาม เราคาดว่าเอกสารต่างๆ จะครบถ้วนไตรมาส 4/2566 ทำให้ประมาณการรายได้จาก JV ในปี 2566 มี Downside อย่างไรก็ดีประมาณการกำไรหลักของ SFLEX มี Upside หลังจากที่กำไรไตรมาส 2/2566 ดีกว่าคาดมาก สุทธิแล้วเราประเมินว่ากำไรปี 2566 ยังมี Upside อีกเล็กน้อย
ด้าน ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (SFLEX) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ เปิดเผยถึง แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับยอดคำสั่งซื้อและทยอยส่งมอบสินค้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง มีระบบบริหารจัดการวัตถุดิบอย่างเป็นระบบร่วมกับ supplier ทั้งในและต่างประเทศไว้อย่างดี ทำให้สามารถดำเนินงานได้ตามแผนงานที่วางไว้
"ในส่วนภาพรวมทั้งปี 2566 บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,800 - 1,850 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากกลยุทธ์การขยายตลาดเชิงรุกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูง อีกทั้งการวางแผนบริหารพอร์ตสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับกำลังการผลิตที่สูงขึ้นจะช่วยลดต้นทุนคงที่ต่อหน่วยอีกด้วย" ดร.สมโภชน์กล่าว