CEN อวดผลงานไตรมาส2 โกยรายได้ 488 ล้าน พลิกกลับมีกำไร 143 ล้าน โต 287 ล้าน มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อ จากเมกะโปรเจคงานภาครัฐ

นางสาวลภัสรินทร์ ไกรวงษ์วณิชรุ่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ CEN เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 2 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 488.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 51.94% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 143.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 287.48%.  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 76.55 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของบริษัทหลังจากที่เผชิญกับความท้าทายในช่วงก่อนหน้า

ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจไทย บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจของกลุ่มบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 เป็นต้นไป จะได้รับปัจจัยบวกจากงบประมาณของภาครัฐ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งงบประมาณเพิ่มเติม ปี 2567 และงบประมาณในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในวงเงินกว่า 29,000 ล้านบาท, โครงสร้างพื้นฐานหลักในพื้นที่ EEC เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้วัสดุก่อสร้าง และเป็นปัจจัยหนุนธุรกิจลวดเหล็กแรงดึงสูง รวมถึงธุรกิจพลังงานซึ่งบริษัทย่อยของ CEN ที่จะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนจากภาครัฐในส่วนของต้นทุนก๊าซธรรมชาติ 

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์ที่เติบโต อาทิ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมหรือ ธุรกิจ AI ที่ได้รับความสนใจและสามารถสร้างผลตอบแทนในอนาคตได้ โดยพิจารณาหุ้นที่มีราคามูลค่าทางบัญชีสูงกว่าราคาตลาด ในไตรมาสนี้ บริษัทได้รับรู้กำไรจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ จากการที่บริษัทได้ไช้กลยุทธ์ในการบริหารพอร์ตการลงทุนอย่างรอบคอบ เพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มผลตอบแทนในภาวะตลาดที่มีความผันผวน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมให้กำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาสนี้สูงขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ CEN จะได้รับกระแสเงินสดเพิ่มเติมประมาณ 60.50 ล้านบาทจากการคืนเงินที่เกิดจากลดทุนจดทะเบียนของบริษัทย่อย ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและเงินทุนให้กับ CEN ในฐานะบริษัทแม่ได้มากขึ้น และเปิดโอกาสในการลงทุนในโครงการใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตของกลุ่มธุรกิจในอนาคต