บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ (20 ก.ย.) SET ยังเป็นสัญญาณลบ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1515 จุด ซึ่งใช้เป็นกรอบล่างในวันนี้ ขณะที่การฟื้นตัวถูกจำกัด โดยมีกรอบบนบริเวณแนวต้าน 1530 จุด ขณะที่นักลงทุนในตลาด รอติดตามประเด็นสำคัญ สำหรับผลการประชุมเฟดในคืนนี้ ทำให้มองดัชนีมีแนวโน้มแกว่งระหว่างกรอบ 1515-1530 จุด
ประเด็นสำคัญ
• OECD ประเมิน ศก. โลกมีทิศทางชะลอตัวลงจาก ดบ. ที่สูง และการ ฟื้นตัวของ ศก. จีนที่ล่าช้า โดยประเมินปี 2567 GDP โลกจะเติบโต 2.7%YoY ลดลงจากปี 2566 ที่คาดเติบโต 3.0%YoY
• สหรัฐรายงานตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้าน ส.ค. ปรับตัวลง 11.3% สู่ระดับ 1.283 ล้านยูนิต ต่ำสุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 63 และต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของ ดบ. เงินกู้จำนอง
• รัฐบาลรัสเซียพิจารณาเก็บภาษีส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันทุกประเภทที่ 250 ดอลลาร์/ตัน ซึ่งสูงกว่าค่าธรรมเนียมปัจจุบันอย่างมาก ตั้งแต่ 1 ต.ค. 66-มิ.ย. 67 เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิง
• นายกฯ หารือกลุ่ม BlackRock ศึกษาแนวทางลงทุนไทย สนับสนุนธุรกิจ Clean Energy เพื่อขยายฐานการลงทุนและการผลิต ทั้งยังสนใจลงทุนใน Sustainability Linked Bond ที่จะออกโดย รบ. ไทย
• กรมการค้าภายในระบุผู้ผลิตสินค้า-บริการ เตรียมลดราคาหลังต้นทุนพลังงานลดจากมาตรการรัฐ เตรียมดึงร้านค้าธงฟ้า 1 แสนแห่งทั่วไทยร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
• คลังเตรียมเสนอพักหนี้ธุรกิจ SMEs ที่ค้างชำระหนี้เกินกว่า 90 วัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ของ ธปท. เป็นเวลา 1 ปี โดยมีทั้งหมด 3 ล้านราย คิดเป็นมูลหนี้ราว3 แสนลบ.
• ก. พลังงานเตรียมศึกษาข้อมูลปรับโครงสร้างราคาพลังงานระยะยาวให้ราคาพลังงานเหมาะสม ส่วนการเปิดนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรีจะเปิดโอกาสให้บางกลุ่ม เช่น ภาคขนส่ง เพื่อช่วยลดต้นทุน
กลยุทธลงทุนวันนี้ มอง SET จะยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1540-1580 จุด หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน โดยในประเทศรอติดตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล ขณะที่ต่างประเทศอยู่ระหว่างจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ นำโดย FED (21 ก.ย.) BoE (21 ก.ย.) และ BoJ (22 ก.ย.) ทั้งนี้ InnovestX คาด FED จะมีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด ขณะที่ BoE และ BoJ จะยังดำเนินการใช้นโยบายการเงินตึงตัวต่อไป ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
โฟกัสหุ้น
TOP ค่าการกลั่น 3Q66TD ฟื้นตัวแข็งแกร่ง หนุนโดยส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยานดีเซล และเบนซิน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของ TOP จะช่วยผลักดันผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นยังหนุนผลประกอบการของกลุ่มได้ผ่านกำไรจากสต๊อกน้ำมัน
BBL 3Q66 และปี 2566 คาดจะรายงานกำไรเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มธนาคารอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจาก credit cost ที่ลดลงมากสุด NIM ที่กว้างขึ้นพร้อมกับแนวโน้ม upside และสินเชื่อที่เติบโตอย่างยั่งยืน