แนวโน้มตลาดวันนี้ (18 เม.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET มีแนวโน้มปรับตัวลงได้ต่อ หลังดัชนีหลุดแนวรับบริเวณ 1370 จุด ซึ่งรองรับได้ก่อนหน้านี้ สร้างสัญญาณลบทางเทคนิค และดัชนีได้รับปัจจัยลบ หลังเฟดส่งสัญญาณจำเป็นต้องคงดอกเบี้ยระดับสูงไว้ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1360 และ 1350 จุด ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1370 และ 1380 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• Fed เปิดเผยรายงาน Beige Book ว่ากิจกรรมทาง ศก. ขยายตัวเล็กน้อยในช่วงปลายก.พ.-ต้น เม.ย. และ บ.เอกชนส่วนใหญ่ของสหรัฐกังวลการชะลอตัวของเงินเฟ้ออาจเผชิญกับภาวะชะงักงัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยขัดขวางการลด ดบ. ของ Fed ขณะที่ FedWatch Tool บ่งชี้ นลท. ให้น้ำหนัก 84.8% ที่ Fed จะคง ดบ. ใน มิ.ย. และให้น้ำหนัก 46.2% ที่Fed จะลด ดบ. 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ใน ก.ย.
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์น้ำมันที่ซบเซาในตลาด
• IMF คาดว่า ศก. รัสเซียจะเติบโต 3.2% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี อย่างมีนัยสำคัญ โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกน้ำมันที่ยังคงแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ บวกกับการใช้จ่ายของรัฐบาลที่อยู่ในระดับสูง
• Morgan Stanley วางแผนจะเริ่มปลดพนักงานวาณิชธนากรประมาณ 50 ตำแหน่ง คิดเป็น 13% จาก 400 ตำแหน่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในสัปดาห์นี้ โดยอย่างน้อย80% จะเป็นพนักงานในฮ่องกงและจีน
• CEO Apple Inc. ระบุพิจารณาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานผลิตในอินโดนีเซียหลังจากได้เข้าพบหารือกับ ปธน. อินโดนีเซียที่กรุงจาการ์ตา
• สศค. คาดความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ส่งกระทบต่อ ศก. ไทยไม่มาก ภายใต้ความขัดแย้งที่อยู่ในวงจำกัดและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยประเมินผลกระทบต่อ ศก. ไทยจะเกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาดเงิน ตลาดทุน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนเชิงลบ โดยแม้มีปัจจัยบวกในประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐแต่คาดสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง หลังอิหร่านปฏิบัติการโจมตีตอบโต้อิสราเอล จะกดดันต่อการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยหากสถานการณ์ยืดเยื้อและขยายวงกว้างจะทำให้มีความเสี่ยงที่ราคาพลังงานและเงินเฟ้อสูงขึ้น อีกทั้งมีโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ามากขึ้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ“Selective Buy”
Top Picks
GPSC ช่วงสั้นมองได้ Sentiment บวกจากราคาก๊าซในยุโรปและ Bond Yield ของสหรัฐที่ปรับตัวลง ขณะที่เชื่อว่าปีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ GPSC ได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยแรงกดดันที่ลดน้อยลงจากต้นทุนพลังงานและกำไรที่ดีขึ้นจากโรงไฟฟ้าทั่วไป จะหนุนให้ปี 2567 กำไรปกติจเติบโตแข็งแกร่ง 49%YoY
CPALL มองเป็นหุ้นเด่นที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการดิจิดัลวอลเล็ตซึ่งจะหนุนให้กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 4Q67 เป็นต้นไป ขณะที่ 1Q67 คาดกำไรจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ และ SSS ของธุรกิจ CVS มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งใน 2Q67 จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและอากาศร้อน