แนวโน้มตลาดวันนี้ (21 มี.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET แกว่งในกรอบรอประเด็นใหม่ หลังขึ้นมาตอบรับ Sentiment บวกไปพอควรแล้ว คาดตลาดกลับมาให้น้ำหนักการเมืองในประเทศที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ต้นสัปดาห์หน้า ทั้งนี้มอง SET หากยังไม่ผ่าน 1200 จุด อาจพลิกกลับมาลงได้ต่อ ประเมินแนวรับที่ 1170 - 1160 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1190 - 1200 จุด
ประเด็นสำคัญ
• ยูเครนใช้โดรนโจมตีฐานทัพอากาศซึ่งมีเครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซีย ทำให้รัสเซียต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน ส่วนกองทัพอิสราเอลเผยว่ามีจรวดถูกยิงเข้าสู่ตอนกลางอิสราเอลจจากพื้นที่ฉนวนกาซ่า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่กลุ่มฮามาสโจมติตอบโต้ครั้งแรกนับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงล่มสลาย
• ธปท. ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราว กำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน 100% เพื่อช่วงประคับประคองภาคอสังหาฯ มีผลต่อสัญญาเงินกู้ที่ทำตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568– 30มิ.ย. 2569
• รมว. คลังเดินหน้ามาตรการแก้หนี้ NPL สำหรับส่วนที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิต-การบริโภค วงเงิน 4.27 แสนลบ. หรือ 35% ของ NPL ทั้งหมด โดยจะทำงานร่วมกันระหว่างลูกหนี้ ธนาคาร ผู้บริหารหนี้ และรัฐบาล
• เครดิตบูโรเผยจากจำนวนลูกหนี้ในระบบ 27 ล้านลูกหนี้ มี 25% ที่เกณฑ์สุขภาพทางการเงินดี, 38%เสี่ยงเป็นหนี้เรื้อรัง และ 17% มีหนี้ NPL หนี้บุคคลธรรมดาลดลง 0.5%YoY จากการปฏิเสธการให้สินเชื่อสูง
• BoE มีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย 4.5% ตามที่ตลาดคาดไว้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก, การทำสงครามการค้าของสหรัฐฯ และปรับลดคาดการณ์เติบโตเศรษฐกิจลงสู่ 0.75% จาก 1.50%
• EU เลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ออกไป 2 สัปดาห์ จากเดิมที่จะมีผลในวันที่ 1 เม.ย. เพื่อให้มีเวลาเจรจาเพิ่มเติมกับสหรัฐฯ
• จับตาดีลควบรวมระหว่าง "KTB-TTB" จ่อขึ้นแท่นเบอร์ 1 กลุ่มแบงก์ หนุนสินทรัพย์รวมกว่า 5.36 ล้านลบ. ลดต้นทุนธุรกิจ สร้างโอกาสเติบโตใหม่ และสร้างความแข็งแกร่งบนดิจิทัลแบงกิ้ง
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะฟื้นตัวได้บ้าง หลังดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรง 16%YTD แย่สุดในตลาดหุ้นทั่วโลกแล้ว เนื่องจากถูกกดดันทั้งจากกังวลสงครามการค้าและขาดปัจจัยหนุนในประเทศ อย่างไรก็ดีมองว่าแรงขายในภาพรวมน่าจะชะลอตัวลง เนื่องจากมีความชัดเจนของมาตรการลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESGX ซึ่งคาดจะจำกัดแรงขายของ LTF และมีความหวังจากเม็ดเงินลงทุนใหม่ที่จะเข้ามาในเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2568 ขณะที่การประชุมนโยบายการเงิน BoJ FOMC และ BoE มีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
Daily top picks
PTTEP: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นหลังสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านรอบใหม่ และมีสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง แม้ปี 2568 คาดกำไรจะอ่อนแอลง YoY แต่ยังมีงบดุลที่แข็งแกร่ง (มีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อทุนน้อยกว่า 0.3 เท่า) แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรราคาไม่เกิน 113 บาท
SPALI: มองราคาหุ้นระยะสั้นมีปัจจัยกระตุ้นจาก ธปท. ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราว คาดจะหนุนให้ Presales ดีดตัวขึ้นในช่วงที่มีมาตรการ และน่าสนใจในฐานะหุ้นปันผลคุณภาพดี ปี 2568 คาดมีกำไรเติบโตอย่างน้อย 2%YoY ซึ่งยังไม่รวม Upside จากการผ่อนปรน LTV และมีเงินปันผลจ่ายจากกำไร 2H67 หุ้นละ 0.85 บาท (XD 7 พ.ค.) คิดเป็น Div. Yield 4.9%