แนวโน้มตลาดวันนี้ (9 ธ.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ในช่วงสั้นยังแกว่งในกรอบระหว่าง 1440-1460 จุด ส่วนภาพรวมยังมีสัญญาณต่อภาพการไต่ระดับ โดยจุดติดตามอยู่ที่กรอบบน 1460 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อ และมีแนวต้านถัดไปที่ 1470 จุด ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินกองทุนประหยัดภาษีที่มีเข้ามามากในช่วงปลายปี ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในวันพุธ
ประเด็นสำคัญ
• Bloomberg เผยผลสำรวจระบุว่า ECB อาจปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่เติบโตอ่อนแอและเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ โดยคาด ECB จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์นี้ และจะลดต่อเนื่องในการประชุมกำหนดนโยบายทุกครั้งจนถึง มิ.ย. 68
• สหรัฐฯ เผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร พ.ย. เพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาด ส่วนอัตราว่างงานปรับขึ้นสู่ระดับ 4.2% สอดคล้องตลาดคาด หนุนให้ตลาดคาดเฟดจะยังคงลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้ และใน 1Q68
• ธนาคารกลางจีนเผยได้เริ่มกลับมาซื้อทองคำเข้าคลังสำรองอีกครั้งในเดือน พ.ย. หลังจากหยุดพักไปเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งการกลับมาซื้อครั้งนี้อาจช่วยกระตุ้นความต้องการของนักลงทุนชาวจีน
• ราคาน้ำมัน WTI และ Brent ปรับลง 1.6%DoD และ 1.35%DoD จากความกังวลภาวะน้ำมันล้นตลาดจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ แม้โอเปกพลัสประกาศเลื่อนแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้
• ครม. นำโดยนายกฯ เตรียมแถลงผลงานครบรอบ 3 เดือนและนโยบายแผนงานปี 2568 ต่อรัฐสภาในวันที่ 12 ก.ย. 67
• ภาคเอกชนมองขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะปรับขึ้น VAT เพราะ ศก. ไทยยังโตต่ำ ประชาชนมีปัญหาหนี้ครัวเรือน และภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME ยังมีปัญหาหนี้สิน แนะรัฐขับเคลื่อน ศก. กลับมาฟื้นโต 5% ก่อน
• กรมธุรกิจพลังงานเผยยอดใช้น้ำมัน 10M67 อยู่ที่ 154.90 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 1.8%YoY จากความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้งานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขยายตัวของผู้โดยสาร 13.03%
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดยมีแนวรับที่บริเวณ 1440-1450 จุด ทั้งนี้ Upside ของตลาดคาดจะอยู่ที่มาตรการแก้หนี้ครัวเรือนและช่วยเหลือเกษตรกรของไทย รวมทั้งเงินเฟ้อของสหรัฐ โดยปัจจัยในประเทศยังค่อนข้างจำกัด แต่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐและจีน รวมทั้งท่าทีของ ECB น่าจะมีผลต่อแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยในระยะถัดไป โดยตลาดคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐจะมีแนวโน้มทรงตัว ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB คาดจะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม ขณะที่ยังต้องติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดยปัจจัยในประเทศยังค่อนข้างจำกัด ขณะที่ยังต้องติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยว แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ CPALL CPAXT CRC HMPRO TNP และกลุ่มท่องเที่ยว AWC AOT MINT
2. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP AMATA AU TIDLOR BCP
3. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี อาทิ SSF RMF และ THAIESG แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% และมี ESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ AA-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว อีกทั้งมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่ Laggard ซึ่งมีเทคนิคมีแนวโน้มฟื้นตัว อาทิ BEM BDMS MINT AP/หุ้นที่คาดมีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 ในงวด 1H68 อาทิ BANPU, CCET, COM7/หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วมใต้ แนะนำ HMPRO CPALL และ TASCO ขณะที่ระมัดระวังการลงทุนสำหรับหุ้นกลุ่มยานยนต์ และกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่โมเมนตัมกำไร 4Q67 ยังอ่อนแอ
Daily top picks
GPSC : มองมีปัจจัยบวกระยะสั้นจาก Bond Yield ที่ปรับตัวลง ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น QoQ และ YoY เนื่องจากคาดผลการดำเนินงานของ ADAAVA จะฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงการ COD เต็มรูปแบบของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน และการหยุดดำเนินการที่ลดน้อยลงของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี
BBL : เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร โดยมองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก 1) valuation ถูกที่สุด 2) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุด และ 3) สินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตสูงที่สุด โดยคาดสินเชื่อจะฟื้นตัวเติบโตได้ดีใน 4Q67 ซึ่งล่าสุด ต.ค. สินเชื่อเติบโตแข็งแกร่งที่สุดที่ 1.4%MoM แรงหนุนจากสินเชื่อกิจการต่างประเทศและสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่