บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ ผู้นำด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทยและเอเชีย กางแผนปี 67 ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 20% ส่งสัญญาณ Q1 ปีนี้สดใส เดินหน้าปั้นธุรกิจที่ไปลงทุน กับพาร์ทเนอร์ 15 ราย แย้มอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรใหม่ต่อเนื่อง ตอกย้ำผู้นำ Specialty Hospital รับเทรนด์ความงามและศัลยกรรมโตแบบขาขึ้น
นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของอุตสาหกรรมด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทยและเอเชีย กล่าวว่า ปัจจุบัน ภาพรวมบริษัทฯ มี Ecosystem
ที่แข็งแกร่งขึ้น สนับสนุนการเติบโตของรายได้และกำไร หลังประกาศผลงานทำ All Time High ในปี 2566 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน MASTER มีพาร์ทเนอร์ในกลุ่มบริษัทรวม 15 ราย สนับสนุนโอกาสในการผนึกกำลังสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน ทั้งในด้านทีมแพทย์พาร์ทเนอร์ในกลุ่มบริษัท มีจำนวนรวม 138 ท่าน จากในช่วงต้นปี 2566 มีจำนวนแพทย์ MASTER 42 ท่าน จำนวนห้องผ่าตัดรวมในกลุ่ม 45 ห้อง (โดยเป็นห้องผ่าตัดของ MASTER 17 ห้อง) ปัจจุบัน U-Rate อยู่ในช่วง 60-65% จากการเปิดใช้งานที่ระยะเวลา 12-14 ชั่วโมง
พร้อมส่งสัญญาณแนวโน้มไตรมาส 1/2567 เติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (เดือนมกราคม และ กุมภาพันธ์ 2567) มีรายได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พร้อมกับการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ มีอัตราการเติบโตของ MASTER ตามเป้าหมายที่เคยให้ไว้ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯตามหลักการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER แบบ M&P เน้นการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic โดยตั้งเป้าการรับรู้กำไรในแต่ละดีล (Inorganic) พร้อมทั้งปรับปรุงระบบการควบคุมภายใน การเงิน และการบัญชี โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นการเติบโตแบบมีนัยสำคัญในช่วงสิ้นไตรมาส 2/2567
อย่างไรก็ดี MASTER ยังคงมุ่งมั่นศึกษาพาร์ทเนอร์รายใหม่ เพื่อเข้ามาสร้างการเติบโตร่วมกันในอนาคต ด้วย Position ทางธุรกิจ คือ Specialty Hospital เป็น Hub ด้านความงามของประเทศไทย และมีจุดแข็งมาจากการมีทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในทุกสาขาแบบ Full Time นอกจากนี้ มีการทำ MOU แลกเปลี่ยนสื่อสารร่วมกับทางคุณหมอเกาหลีต่อเนื่อง เพื่ออัปเดตเทรนด์นวัตกรรมใหม่ๆ และตอบโจทย์ลูกค้า สร้างความเชื่อมั่นในฐานะผู้นำด้านศัลยกรรมและความงาม รวมทั้ง สนับสนุนผลกำไรในระยะยาว
ในด้านการตลาด บริษัทฯ มุ่งเน้นควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มีการบริหารภายในที่ดี รวมทั้ง Business Support จากการร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเริ่มเห็นการโฆษณาผ่าน Bill Board ของบริษัทจำนวนลดลง เพราะตอนนี้ MASTER มีการรับรู้ Awareness ครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว แต่สิ่งที่จะเหนือไปอีก คือ ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการทำป้ายขนาดใหญ่ในพื้นที่แลนด์มาร์คสำคัญ ควบคู่การประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ร่วมกับ Kin Corporation และ Twinkle Star
สำหรับเป้าหมายในปี 2567 MASTER วางแผนเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน รวมทั้ง ประเมินการลงทุนอย่างคุ้มค่า การวางระบบการจัดการเพื่อให้เป็น High Performance Organization แบบ MASTER ครอบคลุมทั้งในด้าน Cross Synergy - Cross Selling - Cross Border อาทิ การจับมือระหว่าง กรวิน คลินิก และ รณภีร์ คลินิก นับเป็นการวางยุทธศาสตร์ในการก้าวสู่ผู้นำอันดับ 1 ในตลาดศัลยกรรมจมูกไทย ทำให้ MASTER มีอาวุธครบมือในการทำศัลยกรรมจมูก รวมถึง ดีลรุกธุรกิจจิตเวชร่วมกับ Me Center Clinic เพื่อแก้ปัญหาด้านสุขภาพจิต และช่วยสนับสนุนในการช่วยเหลือสังคมไปพร้อมๆ กัน อีกทั้ง ดีลในการซื้อ Aurora Clinic คลินิคความงามที่เกาะสมุย และ จ.สุราษฎร์ธานี โฟกัสสถานที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว สนับสนุนฐานลูกค้าต่างชาติใช้บริการค่อนข้างเยอะ และมีแผนขยายต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ภาพรวมอุตสาหกรรมด้านศัลกรรมและความงามในประเทศไทยมีการเติบโตเป็นเทรนด์ขาขึ้น จาก 60,000 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 64,000 ล้านบาทในปี 2566 โดย MASTER ให้บริการครอบคลุมหัตถการยอดนิยม และลูกค้าในกลุ่ม Gen Y ซึ่งเป็นลูกค้าหลักในกลุ่มศัลยกรรม เนื่องจาก ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถหาข้อมูลผ่าน Social Media และช่องทางต่างๆ ส่งผลให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลศัลยกรรมเฉพาะทางมากขึ้น นอกจากนี้ ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของลูกค้าต่างชาติ โดย MASTER มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 26% ในปีที่ผ่านมา และคาดปีนี้จะขึ้นไปแตะระดับ 30% โดยเฉพาะกลุ่มอินโดนีเซีย กัมพูชา พม่า จีน และลาว เป็นต้น
บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2566 ทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ สามารถทำผลงาน All Time High ทั้งรายได้ กำไรสุทธิ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 1,916.76 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 30% และมีกำไร 416.30 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 38% โดยเป็นการเติบโตในทุกๆหัตถการ เนื่องจากมีการเพิ่มการใช้ห้องผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีมากขึ้น เพิ่มทั้ง Profitability and Cost Efficiency สนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้น 63.57% อัตรากำไรสุทธิ 29.56%
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2567 พิจารณาจ่ายเงินปันผล โดยอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น มีอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 0.1428571428571 หุ้นปันผล พร้อมเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.01428571428571 บาท ซึ่งกำหนดให้วันที่ 20 มีนาคม 2567 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 และสิทธิในการได้รับเงินปันผล (Record Date) ทั้งนี้ กำหนดวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD คือ วันที่ 19 มีนาคม 2567) และจ่ายเงินปันผล ในวันที่9 พฤษภาคม 2567