แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (7 ก.พ.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ปรับขึ้นโดดเด่น ขณะที่สัญญาณเทคนิคระยะสั้นเข้าสู่ภาวะ overbought และคาดนักลงทุนในตลาด รอติดตามประเด็นสำคัญ สำหรับการประชุมกนง. ในช่วงบ่าย ทำให้คาด SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยมีกรอบบนที่แนวต้าน 1405-1410 จุด และกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1387 จุด ใช้เป็นจุดติดตาม หากต่ำกว่า เริ่มเป็นสัญญาณลบ
ประเด็นสำคัญ
• Deutsche Bank ปรับเปลี่ยนคาดการณ์ ศก. สหรัฐจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้เนื่องจากเงินเฟ้อที่ลดลง และตลาดแรงงานกลับสู่ภาวะสมดุลที่ดีขึ้น อัตราว่างงานไม่ได้เพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ
• รมว. คลังสหรัฐ ระบุมีความกังวลภาพอสังหาฯ เพื่อการลงทุน แต่ยังประเมินว่าสภาพคล่องและความแข็งแรงของธนาคารยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
• วันนี้ประชุม กนง. ครั้งแรกของปี ตลาดคาดคง ดบ. นโยบายที่ 2.5% โดยต้องจับตาการส่งสัญญาณทิศทาง ดบ. ปีนี้
• บอร์ด BOI อนุมัติส่งเสริมลงทุนขนาดใหญ่ 4 โครงการ มูลค่ากว่า 2.9 หมื่นลบ. ประกอบด้วย โครงการ Data Center ขนาดใหญ่ 2 รายจากออสเตรเลีย และอินเดีย, โครงการผลิตลวดเหล็กที่ใช้กับยางล้อรถยนต์ และโครงการผลิตไอน้ำโดยใช้เชื้อเพลิงจากขยะ
• สรท. ระบุการส่งออก ธ.ค. 66 มีมูลค่า 2.28 หมื่นล้านเหรียญ ขยายตัว 4.7%YoY การนำเข้ามีมูลค่า 2.18 หมื่นล้านเหรียญ หดตัว 3.1%YoY ส่งผลให้เกินดุลการค้า972.8 ล้านเหรียญ
• FETCO ระบุดัชนีความเชื่อมั่น นลท. อีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 77.55 ปรับลดลง43.4%MoM มาอยู่ในเกณฑ์ซบเซา ปัจจัยฉุดความเชื่อมั่น ได้แก่ การตรึง ดบ. ของ Fed สถานการณ์เงินเฟ้อ และการถดถอยของ ศก. ในประเทศ
• ก.ล.ต. เตรียมออกเกณฑ์การดูแลการซื้อขาย หรือการปรับปรุงเกณฑ์เดิมให้เข้มงวดขึ้น โดยจะเริ่มทยอยบังคับใช้ตั้งแต่ มี.ค.นี้ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดหุ้น
กลยุทธลงทุน ช่วงสั้นมอง SET อยู่ในภาวะเปราะบางและการฟื้นตัวยังอยู่ในกรอบจำกัด หลังคาดเงินเฟ้อไทยและจีน ม.ค. มีแนวโน้มหดตัว, กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 7 ก.พ. อีกทั้งดัชนี PMI ภาคบริการ ม.ค. ของสหรัฐ จีนและอียู จะชะลอตัวลงนอกจากนั้นผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยอาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”
TOP Picks
GULF 4Q66 คาดกำไรโตต่อเนื่องจากโรงไฟฟ้า IPP (GPD) อีก 1 หน่วยเริ่มดำเนินการเมื่อ ต.ค. และกำไรจาก Jackson Generation เพิ่มขึ้น คาดปี 2566 กำไรปกติโต32%YoY และโตต่ออีก 28%YoY ในปี 2567 มองราคาหุ้นยัง Laggard โดย PER และ PBV ปี 2567 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
CRC มองราคาหุ้นที่ปรับลง 20%YTD สะท้อนความกังวลผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาดไปมากแล้ว โดย 4Q66 เป็นไตรมาสที่กำไรดีสุดของปี (+QoQ, -YoY) อีกทั้งจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์รายหลักของกลุ่มฯ จากโครงการ E-receipt ไม่เกิน 5 หมื่นบ. ช่วง 1 ม.ค. -15 ก.พ. 67