แนวโน้มตลาดวันนี้ (10ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ยังมี upside ในระยะสั้นถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1435-1440 จุด โดยเงินบาทชะลอการแข็งค่า ทำให้แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติชะลอลงในช่วงนี้ และดัชนีที่ปรับขึ้นแรงและเร็วก่อนหน้านี้ ทำให้มีการพักตัวเพื่อลดความร้อนแรง รวมถึงนักลงทุนรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1416 และ 1406 จุด ตามลำดับ ใช้เป็นจุดรองรับ
ประเด็นสำคัญ
• กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่งมูลค่ารวม 1.0-1.5 แสนลบ. เปิดให้ผู้ลงทุนทั่วไปจองซื้อ 16-20 ก.ย.นี้ จัดสรรแบบ Small Lot First ให้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% และไม่เกิน 9% ต่อปี คงที่ 10 ปี คาดเข้าเทรดตลท. 7 ต.ค.
• FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 132.51 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง หลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากสุด รองมา คือ การฟื้นตัวของศก. และความชัดเจนของการเมืองในประเทศ
• รมว. คมนาคมเผยเตรียมเดินเครื่องโปรเจกต์คมนาคมและสานต่อนโยบาย พร้อมสั่งตั้งคณะทำงานเร่งทุกขั้นตอนดันรถไฟฟ้า 20 บาททุกสีทุกสายให้ทัน ก.ย. 68 ลุยคลอดกฎหมาย ชี้ 2 ปี คาดใช้เงิน 1.6 หมื่น ลบ. มั่นใจขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
• รมว.กลาโหมเผยจะเสนอดิจิทัลวอลเล็ตเข้าครม. ในวันที่ 17 ก.ย. คาดจ่ายเงินเร็วที่สุดในสิ้นก.ย.นี้ ซึ่งจะจ่ายเป็นเงินสดให้กลุ่มเปราะบางและผู้พิการก่อน 14 ล้านคน สามารถซื้อสินค้าอะไรก็ได้และจากร้านค้าใดก็ได้
• วานนี้ Apple ได้เปิดตัว iPhone16 ซึ่งจะมีฟังก์ชัน AI และจะเปิดให้จองในวันที่ 20 ก.ย. นี้ ในวันเดียวกัน Huawei ได้เปิดตัว Meta XT Tri-fold และมียอดจองสูงถึง 3 ล้านเครื่อง
• ศุลกากรของจีนรับรองโรงงานผลิตเนื้อสัตว์ปีกของไทยเพิ่มอีก 3 แห่ง เป็นทั้งหมด 26 โรงงาน โดยในปี 2566 ไทยได้ส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกไปจีนมูลค่า 1.69 หมื่นลบ. และคาดว่าปีหน้าจะส่งออกได้ 1.8 หมื่นลบ.
• REIC เผยภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยมือสองใน 2Q67 มีจำนวนประกาศขาย 140,725 หน่วย มูลค่า 7.18 แสนลบ. นำโดย บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และห้องชุด สะท้อนศก. ที่ซบเซาซึ่งกระทบความสามารถในการผ่อน
กลยุทธ์การลงทุน แม้ช่วงสั้นมอง SET ยังมีโมเมนตัมที่ดีจากคลายกังวลเสถียรภาพทางการเมืองไทยและคาดหวังการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในปลาย 3Q-4Q67 แต่ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET Index ปรับขึ้นแล้วกว่า 10%MoM จึงอาจต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นบริเวณแนวต้าน 1450-1460 จุด โดยมองเม็ดเงินลงทุนจะสลับไหลออกจากกลุ่มธนาคาร ไฟแนนซ์ สื่อสาร ไปเข้าสู่กลุ่มปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า อสังหา และการแพทย์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เงินเฟ้อชะลอตัวลงและคาดจะนำไปสู่การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ FED และ ECB กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
DELTA: มองได้อานิสงส์บาทเริ่มอ่อนค่า ขณะที่ 2H67 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น HoH และ YoY จากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังคงเติบโตดี อีกทั้งยังมี upside จากการพัฒนาและการขายผลิตภัณฑ์ power supply ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่พัฒนาโดย DELTA Thailand เอง ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่ต้องจ่ายค่า technical fee ให้กับทาง DELTA Taiwan ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 103 บาท
MINT: มองโมเมนตัมกำไรยังแข็งแกร่ง โดย 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ส่วน 2H67 คาดกำไรปกติจะเติบโตทั้ง YoY และ HoH จากธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่งในยุโรปจากการเพิ่มขึ้นของ ARR ขณะที่ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามภาพตลาดหุ้นไทย แต่ยังลดลง 2.5%YTD ส่งผลให้ valuation ยังถูก (PBV -2SD)