แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (14 มี.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ยังมี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1390 จุด และบริเวณแนวต้านสำคัญ1400 จุด ซึ่งการปรับขึ้นทดสอบก่อนหน้าในหลายครั้ง ดัชนียังไม่สามารถขึ้นทะลุผ่านได้ ดังนั้นให้ใช้เป็นจุดติดตาม หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อในภาพรวมด้านแนวรับอยู่ที่ 1375 และ 1370 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• วานนี้ยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท Rosneft ในรัสเซีย ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำมัน 17.1 ล้านตันต่อปี เป็นการโจมตีต่อเนื่องวันที่ 2 ก่อนที่การเลือกตั้ง ปธน. รัสเซียจะเริ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่แล้วลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9 แสนบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 5.6 ล้านบาร์เรลมากกว่าคาดว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
• สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายให้ ByteDance ขายกิจการ TikTok ภายใน 6 เดือน มิฉะนั้น TikTok จะถูกแบนจากสหรัฐ
• ก.ล.ต. ของอินเดีย (Sebi) ระบุมีสัญญาณบ่งชี้ภาวะฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มที่มีมูลค่าขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) พร้อมเสริมจะออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทในกลุ่ม SME
• ธปท. ออกมาตรการแก้ปัญหาหนี้เรื้อรัง เน้นช่วยลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทวงเงินหมุนเวียน ปิดจบหนี้ภายใน 5 ปี ดอกเบี้ยไม่เกิน 15% เริ่ม 1 เม.ย. นี้
• ส.อ.ท. ระบุผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.พ. ลดลงจาก ม.ค. จากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ปชช. ระมัดระวังการใช้จ่าย ด้านการส่งออกยังชะลอตัว ศก. ปท. คู่ค้ายังอ่อนแอ โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่น
• วานนี้ราชกิจจาฯ ประกาศ กทม.จ่ายหนี้ BTS ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 2.3 หมื่น ลบ. มีผล 13 มี.ค. 67
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนในกรอบ โดยยังมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด หลังในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ชี้นำ ขณะที่มองว่าตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศที่จะประกาศสัปดาห์นี้ อาทิ ยอดค้าปลีกของสหรัฐ จะยังอ่อนแอ ขณะที่ GDP 4Q66 ของญี่ปุ่น ออกมาแย่กว่าตลาดคาด และดัชนี CPI (เงินเฟ้อ) ก.พ. ของสหรัฐ ออกมาสูงกว่าตลาดคาด สร้างแรงกดดันต่อความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
TOP 1Q67 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น QoQ จากการฟื้นตัวของ GRM โดยได้แรงหนุนจาก crack spread ที่สูงขึ้นของน้ำมันเบนซินและน้ำมันเตา อีกทั้งคาดมีผลขาดทุนสต๊อกระดับต่ำ ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PBV ที่ 0.7 เท่า (-1.4 SD) ซึ่งสูงกว่าระดับ 0.5 เท่าในปีที่เกิดสถานการณ์โควิดอยู่เล็กน้อย
GFPT มองผลการดำเนินงานจะแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่ปี 2567 จากการส่งออกไก่เนื้อที่มีมาร์จิ้นสูงได้มากขึ้น และราคาไก่เนื้อในประเทศที่ดีขึ้นท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการ 1Q67 เติบโต YoY และ QoQ ดีกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในกลุ่มอาหาร