หุ้นไทยวันนี้ คาดยังมีแรงขายกดดัน Moody’s ปรับลดเครดิตสหรัฐสู่เชิงลบจากมีเสถียรภาพ พรุ่งนี้ ลุ้นหารือรัฐบาลจัดตั้งกองทุน LTF และต่ออายุ SSF
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (13 พ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด. SET พยายามฟื้นตัว แต่มีแรงขายกดดันให้อ่อนตัวกลับ แสดงถึงสัญญาณที่อ่อนแรง โดยกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1400 และ 1406 จุด ต้องขึ้นทะลุผ่านให้ได้ก่อนถึงจะเป็นสัญญาณบวกต่อภาพการฟื้นตัว ด้านแนวรับอยู่ที่ 1380 จุด และบริเวณ 1370 จุด หากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบต่อความเสี่ยงในการทำจุดต่ำใหม่อีกครั้ง
ประเด็นสำคัญ
• นายกฯ ระบุโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คาดจะแจกเงิน 1 หมื่นบาทได้ใน พ.ค. 67 และโครงการ E-refund สำหรับผู้ที่ไม่ได้เงินดิจิทัล คาดจะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อสินค้าและบริการมูลค่าไม่เกิน 5 หมื่นบาท ได้ใน ม.ค. 67 เรามองเป็นบวกต่อกลุ่มพาณิชย์ในปี 2567
• พาณิชย์ตรวจสอบพบโรงงานผลิตน้ำตาลทรายยังมีปริมาณเพียงพอต่อการจำหน่ายใน ปท. จนถึงฤดูการผลิตหน้า สินค้ายังหมุนเวียนเข้าสู่ตลาดตามปกติ ปชช. ไม่จำเป็นต้องกักตุนน้ำตาล
• ภาคเอกชนรับมือค่าแรงขึ้น กลุ่มเครื่องดื่มปรับแผนผลิต-บริหารต้นทุน กลุ่มค้าปลีกคาดรับมือได้ จับตาสถานการณ์ ศก. ใกล้ชิด
• บอร์ด กสทช. มีมติ 4 ต่อ 1 โหวต อนุญาต ADVANC ควบรวม 3BB แบบมีเงื่อนไข ให้คงราคาแพคเกจต่ำสุดไว้ก่อนควบรวม 5 ปี และหลังควบรวมหากมีการร้องเรียนอาจระงับหรือปรับเงื่อนไขเพิ่ม
• Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือรัฐบาลสหรัฐสู่เชิงลบจากมีเสถียรภาพ โดยคาดการขาดดุลการคลังจะอยู่ในระดับสูงมาก และจะทำให้ความสามารถชำระหนี้ลดลงอย่างมาก แต่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาว ตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิ์และไม่มีประกันของรัฐบาลไว้ที่ระดับ Aaa
• ปท. ต่างๆ กว่า 60 ปท. นำโดย EU สหรัฐฯ UAE สนับสนุนข้อตกลงเพิ่มพลังงานทดแทนขึ้น 3 เท่าในทศวรรษนี้และเลิกใช้ถ่านหิน
• ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ พ.ย. ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์
กลยุทธลงทุน แม้ตลาดหุ้นไทยจะยังคงเผชิญความผันผวนสูง แต่ช่วงสั้นคาด SET จะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการทั่วโลกไม่แย่กว่าที่ตลาดกังวล อีกทั้งในประเทศยังมีความคาดหวังการจัดตั้งกองทุน LTF และต่ออายุSSF อย่างไรก็ดีในแง่ของ Upside ของ SET มองจะยังถูกจำกัด หลังอาจมีแรงขายทำกำไรจากการสิ้นสุดประกาศผลการดำเนินงาน 3Q66 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Weekly Portfolio : แม้ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญความผันผวนสูง แต่ช่วงสั้นมอง SET ยังมีโอกาสฟื้นตัวได้ ภายใต้ Upside ที่จำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. ที่คาดฟื้นตัวได้ตามตลาดและมีความผันผวนต่ำ โดยเลือกหุ้นUndervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้งValuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS BEM BBL GULF SCGP
2) หุ้น Earning Play ซึ่งจะมีการประกาศงบ 3Q66 ในสัปดาห์หน้า ขณะที่โมเมนตัมกำไร 4Q66 จะยังเติบโต YoY และเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี เลือก ERW AOT CENTEL ZEN CRC
ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
โฟกัสหุ้นวันนี้
CPALL 3Q66 กำไรปกติตามคาด และ 4Q66 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นของธุรกิจ CVS ที่ดีขึ้น และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT อีกทั้งการมีสาขามากสุดในกลุ่มฯ ทำให้ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้น ศก. E-refund และdigital wallet ที่จะออกมาในปี 2567
AOT ได้ประโยชน์จากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจท่องเที่ยวไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้น (+YoY, +QoQ) ใน 4QFY66-1QFY67 ขณะที่ช่วงสั้นมองราคาหุ้นปรับลงสะท้อนปัจจัยลบแล้ว อีกทั้งหากเทียบ YTD ราคาหุ้นยังตามหลังหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มท่องเที่ยว