ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY ประกาศผลงานไตรมาส 1/2567 ทำกำไรจากการลงทุนสุทธิ 155.4 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อยไตรมาสก่อนหน้าและมีรายได้รวม 406.0 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยที่ระดับ 93% เตรียมจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานงวดไตรมาสแรก ให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ 0.1310 บาทต่อหน่วย มองทิศทางธุรกิจในไตรมาส 2/2567เป็นบวก หลังปริมาณลูกค้าที่ใช้บริการคอมมูนิตี้มอลล์เพิ่มขึ้นจากการจัดอีเวนต์ เตรียมรับรู้รายได้เพิ่มจากสินทรัพย์ใหม่ในครึ่งปีแรก แย้มอยู่ระหว่างเข้าลงทุนสินทรัพย์ใหม่อีก 1 โครงการ คาดสรุปในสิ้นปีนี้
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อัลไล หรือ ALLY เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 (มกราคม - มีนาคม) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล (ALLY) สามารถทำกำไรจากการลงทุนสุทธิ 155.4 ล้านบาท ลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 166.6 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่406.0 ล้านบาท ลดลง 5.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่ทำได้ 427.8 ล้านบาท เนื่องจากผ่านไฮซีซันของธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ประกอบกับรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าแก่ผู้เช่าลดลง จากการที่ผู้เช่ามุ่งเน้นควบคุมค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวไม่ได้เป็นผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับกองทรัสต์ฯ
โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 กองทรัสต์มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิประมาณ 160,175 ตารางเมตร และอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 599 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน นอกจากนี้ กองทรัสต์ฯ สามารถต่อสัญญากับผู้เช่ารายเดิมได้กว่า 90% และทำสัญญากับผู้เช่ารายใหม่อีกกว่า 35 ราย จากธุรกิจหลากหลาย เช่น ธุรกิจความสวยความงามและสุภาพ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจ Home and Decorate เป็นต้น พร้อมทั้งสามารถรักษาอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate)เฉลี่ยที่ 93% ใกล้เคียงไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ กองทรัสต์ฯ ได้พิจารณาจ่ายประโยชน์ตอบแทนจากผลการดําเนินงานในไตรมาส 1/2567ที่อัตรา 0.1310 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวม 114.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนในไตรมาสแรกอยู่ที่ 9.0% เมื่อเทียบกับราคาตลาดของหน่วยทรัสต์ ALLY ณ วันที่ 29 มีนาคม 2567 (5.85 บาทต่อหน่วย) โดยมีกําหนดการวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ (Book Closing) เพื่อสิทธิในการรับประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 และจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ทั้งนี้ALLY REIT ได้เริ่มสำรองจ่ายคืนเงินต้นให้กับสถาบันการเงินอยู่ที่ 28 ล้านบาทต่อไตรมาสซึ่งอาจกระทบต่อการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นแต่จะช่วยลดภาระต้นทุนดอกเบี้ยของกองทรัสต์ฯในระยะยาว และจะเพิ่มโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ ซึ่งสะท้อนการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
นายกวินทร์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 มีสัญญาณบวกจากจำนวนผู้เข้าใช้ในศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มพื้นที่ให้เช่าจัดกิจกรรม (อีเวนต์) และการทำแคมเปญโปโมชันในช่วงเทศกาลเพื่อดึงดูดลูกค้า ประกอบได้ทำสัญญากับผู้เช่ารายใหม่เพิ่มขึ้น รวมถึงกองทรัสต์ฯ ได้ลงทุนเพิ่มเติมในกรรมสิทธิ์สินทรัพย์ใหม่ โครงการแฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง ซึ่งเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์เป็นโครงการแรกของกองทรัสต์ฯโดยคาดว่าจะลงทุนแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2567 นอกจากนี้ กองทรัสต์ฯ พิจารณาโอกาสลงทุนสินทรัพย์ใหม่เพิ่มเติมอีก 1 โครงการ โดยมุ่งเน้นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีศักยภาพสูง และต้องสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าได้ คาดว่าจะสรุปได้ภายในสิ้นปี 2567
ปัจจุบันกองทรัสต์มีโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ที่เข้าลงทุนทั้งหมด 13 โครงการ มูลค่าสินทรัพย์รวม13,438 ล้านบาท อาทิ โครงการคริสตัล ดีไซน์เซ็นเตอร์, เดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา, เดอะ คริสตัล เอสบี (ราชพฤกษ์), สัมมากร เพลส รามคําแหง, สัมมากร เพลส รังสิต, กาดฝรั่ง วิลเลจ ฯลฯคิดเป็นพื้นที่ให้เช่าสุทธิประมาณ 160,175 ตารางเมตร และอยู่ระหว่างเข้าลงทุนอีก 1 โครงการ ได้แก่ โครงการแฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง ซึ่งหากลงทุนแล้วเสร็จ จะส่งผลให้มีมูลค่าสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 13,600 ล้านบาท และพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 164,495 ตารางเมตร