SELIC ท็อปฟอร์ม ประกาศโค้ง3/66 กำไรสุทธิ 45.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.5% จากไตรมาสก่อน และ 221.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เหตุเติบโตจากทุกกลุ่มธุรกิจ - ทำได้ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน พร้อมรับแรงหนุนจากการเพิ่มช่องทางขาย ให้ครอบคลุม-เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เสริมอัตราการผลิตหนุนงบโดดเด่น ทิ้งท้ายด้วยนโยบาย ESG ก้าวเดินในเส้นทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน-พัฒนาผลิตภัณฑ์รักษ์โลกเพิ่มขึ้น
นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 45.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.5% จากไตรมาสก่อน และ 221.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยทุกกลุ่มธุรกิจทำได้ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน สอดคล้องกับ รายได้รวมอยู่ที่ 483.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากไตรมาสก่อน และ 19.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นสูงจากธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เนื่องจากเพิ่มช่องทางขายทั้งแบบ over the counter และ modern trade เพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงทำได้ดีในการผลักดันการขายสินค้าไปยังประเทศในกลุ่ม AEC เช่น ประเทศลาว และ ประเทศพม่า นอกจากนี้ยังมีโอกาสทางการขายที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมการที่คาดว่าจะส่งผลเชิงบวกในไตรมาสต่อๆไป เช่น การขยายตลาดไปประเทศกัมพูชา และการเพิ่มประเภทสินค้าเข้าสู่กลุ่มโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มอัตราการผลิต โดยเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการเติบโตในไตรมาสนี้
"ตัวเลขในไตรมาส 3/66 เติบโตในทุกๆด้าน ทั้งรายได้ กำไร รวมถึงตัวเลขกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 145.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% จากไตรมาสก่อน และ 51.0% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 30.3% ขณะที่ตัวเลข EBITDA อยู่ที่ 86.61 ล้าบาท เพิ่มขึ้น 50.6% จากไตรมาสก่อน และ 128.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยทุกกลุ่มธุรกิจทำได้ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน"
สำหรับงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 77.96 ล้านบาท เติบโต 117.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,394.11 ล้านบาท เติบโต 17.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากการรวมผลการดำเนินงานของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 26.8% จากการรวมผลการดำเนินงานของธุรกิจผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่อยู่ในระดับสูง
นางสาวยุวดี กล่าวเสริมว่า โครงสร้างรายได้จากการขายและบริการของซีลิคมาจากการดำเนินงานธุรกิจสามประเภทที่จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการขายและบริการของธุรกิจแบ่งออกเป็น 1. ธุรกิจกาวอุตสาหกรรมอยู่ที่ 28% 2. ธุรกิจสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัวอยู่ที่ 43% และ 3. ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอยู่ที่ 29%
นอกจากนี้ ซีลิคยังสามารถสร้างยอดขายที่เติบโต เพื่อสอดรับกับกลยุทธ์ของบริษัท ผ่านทางธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพโดยการผลักดันผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเข้าสู่ตลาด ภายใต้ ตราสินค้านีโอพลาสท์ และนีโอบัน ในขณะที่ธุรกิจกาวอุตสาหกรรม และ ธุรกิจสติ๊กเกอร์ จะมุ่งขยายไปยังอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต และตลาดต่างประเทศที่เศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยจะเน้นด้านการทำกำไรควบคู่ด้วย
เขากล่าวทิ้งท้ายว่า ในปี 2566 ซีลิคพร้อมก้าวเดินในเส้นทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯได้มีการกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ที่ครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG และจะดำเนินการตามนโยบายอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์รักษ์โลกเพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมและตอบสนองต่อตลาดได้มากขึ้น นอกเหนือจากนี้ยังคงร่วมมือกับหน่วยงาน และโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยกันผลักดันด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมผลการดำเนินการด้านความยั่งยืนในปีนี้ ซึ่งในปี 2566 นี้บริษัทได้รับการคัดเลือกผ่านการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทอย่างต่อเนื่อง