แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (22 ก.พ.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET กลับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น สร้างสัญญาณบวกทางเทคนิค ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ต่อ และมีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้านจิตวิทยาเดิมบริเวณ 1400 จุด ซึ่งหากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1410 จุด ด้านแนวรับอยู่ที่1390 และ 1380 จุด ตามลำดับ ใช้เป็นจุดรองรับ
ประเด็นสำคัญ
• รายงานการประชุม FOMC เมื่อ 30-31 ม.ค. ระบุว่า คกก. Fed ส่วนใหญ่กังวลความเสี่ยงหาก Fed ปรับลด ดบ. เร็วเกินไป และยังไม่มั่นใจว่าควรจะตรึง ดบ. ที่ระดับปัจจุบันต่อไปอีกนานเท่าใด
• ราคาโลหะอะลูมิเนียมพุ่งขึ้นกว่า 2% หลังมีรายงานว่าสหรัฐเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรโลหะอะลูมิเนียมต่อรัสเซีย ทำให้ตลาดกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานโลหะชนิดนี้
• ก. คลัง เสนอ ธปท. ผ่อนปรนเกณฑ์ LTV กระตุ้นภาคอสังหาฯ ด้าน กนง. ระบุ LTV ปัจจุบันเหมาะสมแล้ว หากผ่อนเกณฑ์อาจกระทบเสถียรภาพการเงิน ยีนยันไม่เป็นอุปสรรคซื้อบ้านสัญญาแรก
• กพท. หารือ 6 สายการบิน ออกมาตรการแก้ปัญหาค่าโดยสารราคาสูง มาตรการระยะสั้นเพิ่มเที่ยวบินช่วงเทศกาล ระยะยาวปรับลดเพดานราคา หารืออีกครั้ง 28 ก.พ. ก่อนเสนอ กบร. เห็นชอบ
• บอร์ด EV อนุมัติมาตรการหนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดยกรณีซื้อรถ E-Bus และ E-Truck ที่ผลิต/ประกอบใน ปท. นำค่าใช้จ่ายหักได้ 2 เท่า ไม่มีเพดานขั้นสูง และกรณีนำเข้ารถสำเร็จรูปหักค่าใช้จ่ายได้ 1.5 เท่า มีผลใช้บังคับถึงสิ้นปี2568
• สมาคมค้าทองคำระบุ ธ. กลางหลาย ปท. เพิ่มการสำรองทองคำกว่าพันตันหรือกว่า 2 เท่าตัว ติดต่อกัน 2 ปี เพื่อเตรียมรองรับสภาพคล่องจากความเสี่ยง ศก. โลกถดถอยกว่าคาดการณ์ไว้
• สมาคมประกันชีวิตคาดธุรกิจประกันชีวิตปีนี้โต 2-4% สอดคล้องกับ GDP ที่ สศช. คาดโต 2.2-3.2% หนุนจากกระแสคนรักสุขภาพ
กลยุทธลงทุน ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ เนื่องจากไร้ปัจจัยหนุนใหม่ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยที่จะทยอยออกมาซึ่งคาดยังมีแนวโน้มอ่อนแอ นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่กำลังจะทยอยออกมามองตลาดรับรู้ไปแล้วในระดับหนึ่ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy"
Top Picks
BDMS 4Q66 มีกำไรปกติ 4.0 พันลบ. เพิ่มขึ้น 27%YoY และ 2%QoQ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์และดีเกินคาด จากรายได้และ EBITDA margin ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ราคาหุ้นคาดจะปรับตัว outperform ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง หนุนจากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งและ valuation ที่ไม่แพง
KTB คาดกำไรปี 2567 โต 12%YoY หนุนจาก Credit cost ลดลงจากการตั้งสำรองmanagement overlay น้อยลง และการเติบโตสินเชื่อฟื้นตัว อีกทั้ง NIM เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ Valuation ยังถูก และมี Div. Yield ที่ดี คาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 66 ที่ 0.92 บ./หุ้น คิดเป็น Div. Yield 5.9%