แนวโน้มตลาดวันนี้ (26 ก.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET สัญญาณยังอ่อนแรง และตลาดที่ขาดปัจจัยหนุนใหม่ รวมถึงปัจจัยการเมืองยังไม่ชัดเจน ทำให้แนวโน้ม SET การฟื้นตัวยังจำกัด โดยมีแนวต้าน 1298 และ 1305 จุด ตามลำดับ ขณะที่ในภาพรวมยังมีตวามเสี่ยงด้าน downside โดยมีแนวโน้มทดสอบจุดต่ำเดิมบริเวณ 1287 และ 1280 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• GDP 2Q67 (ประมาณการครั้งแรก) ของสหรัฐ +2.8% สูงกว่าตลาดคาดที่ +2.1% และสูงกว่า 1Q67 ที่ +1.4% หนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน
• วานนี้ PBOC ประกาศลด ดบ. เงินกู้ระยะกลางสำหรับสถาบันการเงินและธนาคารต่างๆ ทั่ว ปท.เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี ขณะที่รัฐบาลกำลังพยายามกระตุ้น ศก. ที่ซบเซา
• ส.อ.ท. รายงานยอดผลิตรถยนต์ มิ.ย. ลดลง 20.11%YoY และปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปีนี้เหลือ1.7 จาก 1.9 ล้านคัน โดยปรับยอดผลิตเพื่อจำหน่ายใน ปท. เป็น 5.5 จาก 7.5 แสนคัน จากหนี้ครัวเรือนสูง รายได้ต่ำ
• BOI ระบุ 6M67 มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน 1,412 โครงการ เพิ่มขึ้น 64%YoY เงินลงทุนรวม 4.58 แสนลบ. เพิ่มขึ้น 35%YoY สะท้อนถึงความเชื่อมั่น นลท. และผลจากมาตรการส่งเสริมการลงทุน
• บอร์ด รฟท. มีมติอนุมัติโครงการความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค กรุงเทพ-หนองคาย (ระยะที่ 2) ระยะทาง 357.12 กม. กรอบวงเงิน 3.4 แสนลบ. โดยจะนำเสนอ ครม. พิจารณาคาดได้รับอนุมัติ ม.ค. 68
• พาณิชย์คาดปลายสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า จะแถลงรายละเอียดอีกครั้งเกี่ยวกับการลงทะเบียนร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในช่วง ส.ค.-ก.ย. นี้ คาดจะดึงร้านเข้าระบบทั้งหมดเกือบ 2 ล้านราย
• วันนี้ติดตามศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดคดีหนี้จ้างเดินรถส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวของ BTS เม็ดเงินรวมกว่า 3.9 หมื่นลบ. อ่านคำพิพากษาคดีแรกวันนี้ 1.2 หมื่นลบ.
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET ยังคงมี Upside จำกัด เนื่องจากยังรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและรายละเอียดของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อีกทั้งติดตามงบ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดได้แรงหนุนจากสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ย โดยคาดดัชนี PCE และ PMI ของสหรัฐจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง อีกทั้งงบ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐน่าจะยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดีความคาดหวังต่อ Fund Flow ที่จะไหลกลับสู่ตลาด EM อาจจะยังจำกัดจากเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอและค่าเงินดอลลาร์ที่ยังไม่อ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นจะยังเป็นความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
PTTGC ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวในฐานะผู้ผลิตปิโตรเคมีจากก๊าซซึ่งต้นทุนที่ต่ำกว่า อีกทั้งคาดหวัง Sentiment บวกจากจีนออกมาตรการกระตุ้น ศก. หนุนการบริโภคนำไปสู่แนวโน้มอุปสงค์ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น ขณะที่ 2H67 คาดกำไรปกติดีขึ้น HoH จาก GRM ฟื้น และ valuation ไม่แพง PBV 67F 0.4 เท่า
CPAXT 2Q67 คาดกำไรปกติ 2 พันลบ. เพิ่มขึ้น 20%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น และ SG&A/Sales ที่ลดลง ส่วน 3Q67 คาดกำไรโตต่อเนื่อง YoY และทำระดับสูงสุดของปีใน 4Q67 อีกทั้งมี Upside Risk จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (ยังไม่รวมในประมาณการ) แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 29.75 บ.